พาณิชย์ เผยยอดจดทะเบียนธุรกิจใหม่ก.ย.ลดลง YoY และ MoM, 9 เดือน โต 1%

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 19, 2018 12:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า ในเดือน กันยายน 2561 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ 6,313 ราย เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2561 จำนวน 6,446 ราย ลดลง 133 ราย หรือคิดเป็น -2% และเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2560 จำนวน 6,532 ราย ลดลง 219 ราย คิดเป็น -3% รวม 3 ไตรมาส จำนวน 56,271 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 240,486 ล้านบาท

สำหรับประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 592 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 356 ราย คิดเป็น 6% และอันดับ 3 คือ ธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร 182 ราย คิดเป็น 3%

มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ในเดือนกันยายน 2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 48,027 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2561 จำนวน 23,233 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24,794 ล้านบาท คิดเป็น 107% และเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2560 จำนวน 31,628 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16,399 ล้านบาท คิดเป็น 52%

ส่วนธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนกันยายน 2561 มีจำนวน 1,899 ราย เมื่อเทียบกับเดือนสิงหาคม 2561 จำนวน 1,740 ราย เพิ่มขึ้น 159 ราย คิดเป็น 9% และเมื่อเทียบกับเดือนกันยายน 2560 จำนวน 1,717 ราย เพิ่มขึ้น 182 ราย คิดเป็น 11% โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 177 ราย คิดเป็น 9% รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 128 ราย คิดเป็น 7% และธุรกิจค้าสลากกินแบ่ง 58 ราย คิดเป็น 3%

ส่วนธุรกิจจัดตั้งใหม่ช่วงไตรมาส 3/61 (ก.ค.-ก.ย.) มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนบริษัทจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศ 18,723 ราย เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/61 (เม.ย.-มิ.ย.) จำนวน 17,499 ราย เพิ่มขึ้น 1,224 ราย คิดเป็น 7% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2560 จำนวน 19,670 ราย ลดลง 947 ราย คิดเป็น 5%

โดยประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 1,691 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,047 ราย คิดเป็น 6% และธุรกิจภัตตาคาร / ร้านอาหาร 563 ราย คิดเป็น 3% ตามลำดับ มูลค่าทุนธุรกิจจัดตั้งใหม่ในไตรมาส 3/2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 97,614 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2561 จำนวน 82,041 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15,573 ล้านบาท คิดเป็น 19% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2560 จำนวน 100,240 ล้านบาท ลดลง 2,626 ล้านบาท คิดเป็น 3%

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการในไตรมาส 3/2561 มีจำนวน 5,327 ราย เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2561 จำนวน 3,201 ราย เพิ่มขึ้น 2,126 ราย คิดเป็น 66% และเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2560 จำนวน 5,098 ราย เพิ่มขึ้น 229 ราย คิดเป็น 4% โดยประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 488 ราย คิดเป็น 9% รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 346 ราย คิดเป็น 7% และธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 149 ราย คิดเป็น 3%

ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- ก.ย.61) มีการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัท จำนวน 56,271 ราย เพิ่มขึ้นจำนวน 659 ราย คิดเป็น 1% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ม.ค.-ก.ย.60) จำนวน 55,612 ราย

การเติบโตของธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีทิศทางสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐที่มีการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ส่งผลให้การลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้น

โดยกลุ่มธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป และอสังหาริมทรัพย์ ขยายตัวสูงสุด รวมทั้งมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองและชุมชน ส่งผลให้ธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหาร และ ที่พักโรงแรม ในส่วนภูมิภาคเกิดการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค โดยกระทรวงการคลัง ประจำเดือนกันยายน 2561 พบว่ามีดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจ (คาดการณ์ 6 เดือนข้างหน้า) อยู่ในเกณฑ์ดีทุกภูมิภาค โดยมีค่าสูงสุดในภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 94.2

อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดตั้งธุรกิจในปี 2561 นี้ ขึ้นอยู่กับความชัดเจนของการประกาศใช้มาตรการการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปของนิติบุคคล ซึ่งจะช่วยผลักดันให้มีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ กรมฯ ได้เร่งดำเนินการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเข้ามาจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจมีโอกาสที่เพิ่มขึ้น ทั้งในด้านการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงิน การได้รับการลดหย่อนภาษี และเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อธุรกิจ รวมทั้งมีโอกาสเข้าถึงความช่วยเหลือของภาครัฐมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ กรมฯ ได้อำนวยความสะดวกให้แก่นิติบุคคลในการเริ่มต้นธุรกิจ โดยมีการปรับลดความยุ่งยากของขั้นตอนการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล (Ease of Doing Business) โดยการรวมขั้นตอนการจองชื่อและจดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์เป็นขั้นตอนเดียวกัน (จากเดิมมี 2 ขั้นตอน) และลดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับบริษัทจำกัดที่ยื่นผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีผลใช้บังคับในวันที่ 21 เมษายน 2561 จากเดิม 5,500 - 275,000 บาท เป็น 5,500 บาท อัตราเดียว และการจดทะเบียนออนไลน์ e-Registration 3,850 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ