สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดแสดงความคิดเห็นว่า ในปีนี้ เงินหยวนของจีนอาจแข็งค่าขึ้นอีก 9% เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และจะเคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 7% ในปี 2552 โดยทางการจีนควรใช้ประโยชน์จากการแข็งค่าของเงินหยวนมาเป็นกลไกในการแก้ปัญหาเงินเฟ้อภายในประเทศ
สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดเปิดเผยว่า เงินหยวนอาจแข็งค่าขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้ รวมถึงความหวั่นวิตกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในต่างประเทศที่ชะลอตัวลง
โดยในปีที่ผ่านมา เงินหยวนแข็งค่าขึ้นมาแตะที่ระดับ 6.4% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ จีนกำลังวิตกกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และมูลค่าของอัตราแลกเปลี่ยนที่ต่ำเกินจริงยังเป็นต้นเหตุที่ทำให้จีนมีสภาพคล่องส่วนเกินในระบบมากขึ้นด้วยเช่นกัน
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดที่ทางการจีนรายงานออกมาระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งปรับตัวสูงขึ้น 6.9% ในเดือนพ.ย. และนับเป็นตัวเลขที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี ขณะที่ในช่วง 11 เดือนแรกของปีที่ผ่านมาดัชนี CPI ปรับตัวสูงขึ้น 4.6%
ทั้งนี้ จีนหวังว่าการปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้นจะช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในยามที่ราคาน้ำมันและวัตถุดิบพุ่งสูงขึ้น รวมทั้งจะช่วยชะลอความร้อนแรงด้านการลงทุนในภาคธุรกิจส่งออกของประเทศ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--