ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การส่งออกในช่วงที่เหลือของปี 2561 ยังต้องเผชิญกับความท้าทาย หลังจากการส่งออกสินค้าของไทยในเดือนก.ย. 2561 พลิกกลับมาหดตัวครั้งแรกในรอบ 19 เดือน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกทองคำที่หดตัวค่อนข้างมากตามปัจจัยฐานในปีก่อนที่สูงและความผันผวนของตลาดทองคำ โดยมูลค่าส่งออกสินค้าในเดือนก.ย. 2561 อยู่ที่ 20,699.8 ล้านดอลลาร์ฯ หดตัว 5.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) ซึ่งเมื่อหักมูลค่าส่งออกทองคำที่หดตัว 78.7% YoY ออกแล้ว การส่งออกสินค้าของไทยหดตัวน้อยลงมาอยู่ที่ -0.8% YoY
จากภาพการส่งออกของไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 นั้น มีมูลค่าเฉลี่ย 21,081 ล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือน หรือขยายตัวเฉลี่ย 8.1% ต่อปี
"มูลค่าการส่งออกของไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 จะต้องอยู่ที่เฉลี่ยเดือนละ 22,600 ล้านดอลลาร์ฯ หรือขยายตัวที่ 11.0% ต่อปี จึงจะทำให้การส่งออกของไทยทั้งปี 2561 ขยายตัวที่เฉลี่ย 8.8% ตามที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ประเมินไว้ ซึ่งยังเป็นความท้าทายในช่วงที่เหลือของปี 61" ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุ
สำหรับปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลระยะยาวต่อการส่งออกไทยในระยะถัดไป จะเป็นประเด็นเรื่องข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทยอยส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยหลายประเภท โดยเฉพาะสินค้าส่งออกที่ไทยอยู่ในห่วงโซ่อุปทานการผลิตของจีน ตลอดจนทิศทางการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนในเดือนก.ย. 2561 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 50.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน สะท้อนถึงกิจกรรมการผลิตของจีนในระยะถัดไปที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ในขณะที่ผลจากเรื่องข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ เริ่มส่งผลต่อสินค้าส่งออกของไทย ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดดิสไดรฟ์ แผงวงจรไฟฟ้า วงจรพิมพ์ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง อุปกรณ์และส่วนประกอบรถยนต์ ที่จีนมีการเร่งนำเข้าจากไทยก่อนช่วงที่สหรัฐฯ จะประกาศเก็บภาษี ส่งผลให้การส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ไปจีนขยายตัวในระดับสูงและเริ่มผ่อนแรงลงหลังสหรัฐฯ ทยอยเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ไปจีนจะยังคงชะลอตัวต่อเนื่องไปจนกว่าประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะคลี่คลาย