นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และทบทวนการชดเชยดอกเบี้ยให้กับ ธนาคารเพื่อการเกษตรแสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา จุดประสงค์เพื่อทำให้เกษตรกรคุ้นเคยกับระบบประกันภัยแทนที่จะคุ้นเคยกับการชดเชยจากรัฐบาลเมื่อเวลาที่เกิดความเสียหายเพียงอย่างเดียว ซึ่งนโยบายนี้เคยเริ่มใช้มาแล้วกับข้าวนาปีและเห็นผลในช่วงน้ำท่วมน้ำแล้งเกษตรกรก็ได้รับการชดเชยตามที่สัญญาไว้ โดยผู้ที่ชดเชยไม่ใช่ภาครัฐแต่เป็นบริษัทประกันภัย ครม.จึงอนุมัติการขยายจากข้าวนาปีมาสู่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
โดยอนุมติอัตราเบี้ยประกันภัยไร่ละ 65 บาท พื้นที่เป้าหมาย 2 ล้านไร่ใน 33 จังหวัด ครอบคลุมเกษตรกรผู้เอาประกันภัย 150,000 ราย รวมวงเงินทั้งสิ้น 130 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการทบทวนการชดเชยอัตราดอกเบี้ยให้กับธ.ก.ส.ในประเด็นดอกเบี้ยสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเดิมที่อนุมัติไปเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2561 ร้อยละ 3.01 ต่อปีเป็นเวลา 6 เดือน วันนี้เพิ่มให้เป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 ต่อปี โดยที่เกษตรกรผู้กู้ยังรับภาระร้อยละ 0.01 ต่อปีเช่นเดิม
โดยทางธ.ก.ส.ให้เหตุผลว่า เนื่องจากขณะนี้ดอกเบี้ยอยู่ในระยะขาขึ้นด้วยและค่าบริหารจัดการกับเกษตรกรรายย่อยมีค่าใช้จ่ายสูง ถ้าคิดอัตราดอกเบี้ย 3% ไม่เพียงพอ ธ.ก.ส.ขาดทุนจึงขอเพิ่มเป็น 4%
นอกจากนี้ยังมอบหมายคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสานพลังประชารัฐเพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาระดับอำเภอทำหน้าที่ตรวจสอบเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายแต่ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินและให้คณะกรรมการดำเนินการรับรองความเสียหายของเกษตรกรดังกล่าวและจัดส่งข้อมูลให้ธ.ก.ส.และสมาคมประกันวินาศภัยไทยเพื่อพิจารณาการช่วยเหลือต่อไป
สำหรับวงเงินคุ้มครอง แบ่งเป็น 2 ประเภท ประเภทแรก วงเงินคุ้มครอง 1,500 บาทต่อไร่ จากความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม ฝนตกหนัก ภัยแล้ง ฝนแล้ง หรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุ หรือพายุไต้ฝุ่น ภัยจากอากาศหนาว ลูกเห็บ ไฟไหม้
ประเภทที่ 2 คือ วงเงินคุ้มครอง 750 บาทต่อไร่ จากความเสียหายที่เกิดจากศัตรูพืชหรือโรคพืชระบาด