นายสุรงค์ บูลกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นการค้าปลีกไทย ประจำไตรมาสที่ 3/2561 อยู่ที่ 50.0 ซึ่งเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2560 พบว่าในส่วนของรายรับ กำไร และการจ้างงานดีขึ้น อยู่ที่ 51.9, 64.9 และ 79.7 ตามลำดับ ส่วนในด้านต้นทุน และสินค้าคงคลังที่เหลือจากการขาย ลดลงอยู่ที่ 13.0 และ 40.8 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการค้ายังคงฟื้นตัวต่อเนื่องแบบอ่อนๆ เนื่องจากผู้ประกอบการยังคงระวังในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ
ในส่วนของภูมิภาค พบว่า ภาคตะวันออก และภาคกลาง กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ยังคงมีรายรับที่เพิ่มขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของลูกค้า จึงเป็นภาคที่มีความโดดเด่นในด้านการจับจ่ายใช้สอยและกำลังซื้อของผู้บริโภค ส่วนภาคใต้ยังคงมีอุปสรรคเกี่ยวกับราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะยางพาราและปาล์มน้ำมัน รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ส่งผลให้การจับจ่ายใช้สอยยังคงหดตัว ส่วนในภาคอื่นๆ ที่เหลือ สถานการณ์ยังคงทรงตัว
โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังประสบปัญหา ได้แก่ การขาดแคลนพนักงานและบุคคลากรทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมถึงปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ซึ่งได้มีข้อเสนอแนะต่อภาครัฐในการเร่งแก้ไขปัญหา ได้แก่ 1.การส่งเสริมการลงทุนและการออกมาตรการด้านภาษีจากภาครัฐ 2.การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น 3.การคืน VAT ณ จุดขายภายในศูนย์การค้าทั่วประเทศ 4.เปิดโอกาสให้แรงงานไทยมีโอกสพบนายจ้างในธุรกิจ Modern Trade ผ่านการจัดงานนัดพบแรงงานเฉพาะด้าน 5. ออกมาตรการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย โดยการนำค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมทั้งมาตรการผลักดันให้ประเทศไทย Shopping Paradise เป็นต้น
ทั้งนี้ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และบริษัท Modern Trade จัดทำดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ Modern Trade (Modern Trade Sentiment Index : MTSI) โดยได้นำข้อมูลของผู้ประกอบการ Modern Trade มาจัดทำเป็นดัชนีฯ (รายไตรมาส) ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการประเมินสถานการณ์การค้าปลีก
โดยสอบถามความคิดเห็นจาก Modern Trade ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 65% ของการค้าปลีก-ค้าส่ง ทั้งประเทศ และยังเป็นตัวสะท้อนเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต โดยมี Modern Trade ที่ให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล ได้แก่ กลุ่มเซ็นทรัล, โรบินสัน, แม็คโคร, บิ๊กซี, Tops, เทสโก้โลตัส, ตั้งงี่สุนซูปเปอร์สโตร์, CJ Express และ CPALL