(เพิ่มเติม) "สมคิด" เผยหุ้นไทยร่วงตามราคาน้ำมัน ขอนลท.อย่า panic ชี้ตลาดหุ้นไทยยังเป็น Save Heaven เดินหน้าขับเคลื่อนศก.ในปท.

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday October 25, 2018 14:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีดัชนีหุ้นไทยร่วงแรงว่า ส่วนใหญ่เป็นหุ้นน้ำมัน ซึ่งตอนที่น้ำมันขึ้นหุ้นก็ขึ้น ตอนน้ำมันลงหุ้นก็เลยลง แต่ไม่อยากให้นักลงทุนไป panic กับเรื่องนี้ เพราะอย่างไรก็ตามตลาดหุ้นไทยยังเป็นตลาด Save Heaven เมื่อเทียบกับตลาดทั้งหมด

สำหรับการประชุมมอบนโยบายการดำเนินงานแก่ผู้บริหารกระทรวงการคลังวันนี้นั้น นายสมคิด กล่าวว่า เป็นการมาติดตามดูว่ายังมีงานอะไรคั่งค้างอยู่บ้างเพื่อให้งานลุล่วง ไม่ติดขัด ในเรื่องของเศรษฐกิจรัฐบาลได้เตรียมตัวอย่างดี ไม่ประมาท ได้มีการมองไปถึงสถานการณ์ในอนาคตว่าจะมีทิศทางเป็นอย่างไร เพื่อเตรียมตัวรองรับในส่วนนั้น

"ให้ สศค. รายงานสถานการณ์การคลังซึ่งทุกอย่างยังไปได้ดี ปีนี้คงไม่มีปัญหาอะไร...ขณะนี้ใกล้จะหมดเทอมแล้ว เราไปมองที่ภาพรวมเศรษฐกิจโลก ตอนนี้ชะลอตัวลง เราต้องมาเตรียมตัวของเรา จะไปหวังพึ่งพาการส่งออกเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้เพราะเศรษฐกิจโลกไม่ดี ก็ต้องหันมาดูอุปสงค์อุปทานในประเทศ ส่วนปัจจัยขับเคลื่อนภายในประเทศโดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่เราแก้ไม่ได้ เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะแก้ไขปัญหาในภาคการท่องเที่ยวได้ นอกจากนี้ต้องมาดูเรื่องความมั่นใจภายในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการลงทุน ต้องทำให้เดินหน้าต่อไป ไม่สะดุด" นายสมคิด กล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้รายการถึงผลการเปิดให้ประชาชนทั่วไปและนักลงทุนสถาบันเข้าจองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund : TFFIFX ที่มียอดจองเกินเป้าหมาย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี และต้องการให้ขยายการระดมทุนไปในโครงการที่ยังไม่ได้สร้าง (green field) ด้วย เพื่อให้ประชาชนทั่วไปซื้อได้ และไม่เป็นภาระงบประมาณ

พร้อมระบุว่า นอกจากติดตามงานแล้ว ยังเร่งรัดงานที่เหลือของกระทรวงการคลังในช่วงไตรมาสสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งมีงานหลายอย่างที่ต้องดำเนินการ โดยได้สั่งการให้เร่งรัดกฎหมายที่ค้างอยู่ให้ทันรัฐบาลชุดนี้คือ ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ยังล่าช้า และร่าง พ.ร.บ.อี-บิซสิเนส ในการดึงธุรกิจออนไลน์เข้าระบบภาษี

นอกจากนี้ ได้สั่งให้กระทรวงการคลัง ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), บมจ.การบินไทย (THAI) และภาคเอกชน ออกแพ็คเกจกระตุ้นการท่องเที่ยวเที่ยวในช่วงปลายปี เพื่อเร่งเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้มาตรการมีผลในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค.นี้ ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปแนวทาง แต่ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการแต่เนิ่น ๆ และเป็นมาตรการจูงใจ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถวางแผนล่วงหน้าในการเข้ามาเที่ยวประเทศไทยได้

รองนายกรัฐมนตรี ยังได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง และกรมบัญชีกลาง เตรียมออกมาตรการดูแลผู้สูงอายุที่อายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยใช้เงินงบประมาณจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งเดิมจัดสรรงบประมาณไว้ดูแลคนชราที่ 4-5 หมื่นล้านบาท แต่ให้กันงบประมาณเพิ่มเป็นพิเศษในปี 2562 เป็น 1 แสนล้านบาท ซึ่งยืนยันว่าไม่กระทบต่อฐานะการคลัง เพื่อไปทำโครงการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ โดยจะต้องอยู่ในขอบเขตช่วยเหลือเท่าที่จะสามารถช่วยได้ ส่วนจะเป็นการให้เงินช่วยเหลือเพิ่มหรือไม่ ขณะนี้ยังตอบไม่ได้

"นโยบายที่สำคัญที่ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการ คือ เรื่องการช่วยเหลือผู้มีรายได้ที่ลงทะเบียนสวัสดิการจากรัฐ 11.4 ล้านคน โดยในปีงบประมาณ 2562 รัฐบาลได้ของบประมาณจากสำนักงบประมาณ 1 แสนล้านบาท ให้กับกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งใช้จ่ายสวัสดิการปกติให้กับผู้ลงทะเบียนประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ส่วนที่ได้เกินมาอีก 5 หมื่นล้านบาท จะให้ช่วยกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มนี้ยังได้รับความช่วยเหลือน้อย โดยให้กระทรวงการคลังสรุปมาตรการช่วยเหลือให้เสร็จภายในปีนี้ เพื่อเสนอ ครม. ดำเนินการมาตรการทันที" รองนายกรัฐมนตรี ระบุ

ขณะที่เครื่องชี้เศรษฐกิจปี 2562 อยู่ที่โครงการลงทุนของภาครัฐ โดยมอบหมายให้กรมบัญชีกลาง และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ไปเร่งรัดงบประมาณโครงการต่างๆ จะต้องไม่ให้เกิดความล่าช้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ