นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการหารือกับนายทาฮา แมกเฟอร์ซัน เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2561 เพื่อขยายความร่วมมือทางการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ โดยได้แจ้งว่านโยบายรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการค้าเสรีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมใหม่ในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลเร่งสร้างความพร้อมด้านการขนส่งและการคมนาคม รวมทั้งให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุน
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ไทยและนิวซีแลนด์ถือเป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอย่างต่อเนื่องยาวนานกว่า 60 ปี และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไทย-นิวซีแลนด์ หรือ TNZCEP ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2548 ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้ทยอยลดภาษีศุลกากรระหว่างกันเป็นร้อยละ 0 เกือบทุกรายการสินค้าแล้ว ตั้งแต่ 1 มกราคม 2558 ส่งผลให้การค้าสองฝ่ายขยายตัวกว่าสามเท่า ในช่วง 10 กว่าปีผ่านมา (จากปี 2548 มูลค่า 774 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 2,283 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2560) ซึ่งทั้งสองประเทศยังมีศักยภาพที่จะขยายความร่วมมือทางการค้าและการลงทุนระหว่างกันได้อีก จึงได้เชิญชวนให้นิวซีแลนด์เข้ามาลงทุนในไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมและบริการที่นิวซีแลนด์มีศักยภาพและเป็นอุตสาหกรรมใหม่ที่สอดคล้องกับนโยบายไทยแลนด์ 4.0 เช่น การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และการศึกษา เพื่อใช้ประโยชน์จากที่ตั้งของไทยเชื่อมโยงไปสู่ตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้ย้ำว่าไทยจะยังเดินหน้าขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศคู่ค้าสำคัญๆ ต่อไป
นายสนธิรัตน์ เสริมว่า ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการรับไม้ต่อเป็นประธานอาเซียนของไทยในปี 2562 โดยเฉพาะการเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ซึ่งสมาชิกตั้งเป้าที่จะสรุปผลได้อย่างมีนัยสำคัญในปี 2561 และไทยในฐานะประธานอาเซียนจะผลักดันให้มีการลงนามสรุปผลการเจรจา RCEP ในปี 2562 นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องที่ไทยสนใจจะเข้าเป็นสมาชิกความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก หรือ CPTPP โดยแจ้งว่าไทยอยู่ระหว่างศึกษาผลดี ผลเสีย และหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลง CPTPP ของไทย ซึ่งนิวซีแลนด์ยินดีช่วยสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลประสบการณ์ในการเข้าเป็นสมาชิก CPTPP โดยเฉพาะในฐานะที่ทั้งสองประเทศเป็นประเทศผู้ส่งออกสินค้าเกษตร และให้ความสำคัญกับประโยชน์ที่ภาคเกษตรและเกษตรกรจะได้รับจากการเปิดเสรีการค้า เพื่อเป็นข้อมูลในการเตรียมความพร้อมเข้าร่วมเป็นสมาชิก CPTPP ของไทย
ทั้งนี้ ในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2561 ไทยเกินดุลการค้ากับนิวซีแลนด์ราว 657 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่เกินดุลราว 560 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการค้าระหว่างกัน 1,691.14 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวกว่าร้อยละ 10 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สินค้าส่งออกสำคัญที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น อาทิ รถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ ขยายตัวร้อยละ 11.3 เครื่องปรับอากาศ ขยายตัวร้อยละ 12.7 ผลิตภัณฑ์ยาง ขยายตัวร้อยละ 28.4 และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ขยายตัวร้อยละ 12.3 สินค้านำเข้าสำคัญที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น อาทิ เนื้อสัตว์ ขยายตัวร้อยละ 26.7 ไม้ซุงและผลิตภัณฑ์ ขยายตัวร้อยละ 19.7 เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ ขยายตัวร้อยละ 60.5