ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ห่วงผลกระทบจากปัจจัยตปท.กระทบสินเชื่อธุรกิจ-SME ในช่วงที่เหลือของปี หลัง Q3/61 มีสัญญาณชะลอตัว

ข่าวเศรษฐกิจ Friday October 26, 2018 14:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินแนวโน้มสินเชื่อในไตรมาสสุดท้ายของปี 2561 โดยระบุว่า แม้จะมีปัจจัยสนับสนุนหลายทาง โดยเฉพาะปัจจัยฤดูกาลที่คงมีผลบวกต่อสินเชื่อทุกประเภท แต่ในส่วนของสินเชื่อธุรกิจและเอสเอ็มอี ยังต้องจับตาผลกระทบจากภาคต่างประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกและการท่องเที่ยว หลังมีสัญญาณชะลอตัวในช่วงปลายไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ในส่วนของสินเชื่อรายย่อยนั้น คาดว่าปีนี้คงมีปัจจัยเฉพาะที่ช่วยหนุนการเติบโตของสินเชื่อได้ในทุกประเภท ได้แก่ 1.สินเชื่อเพี่อที่อยู่อาศัย จากการเร่งโอนกรรมสิทธิ์ให้เสร็จสิ้นก่อนสิ้นปี 2561 ในช่วงก่อนที่แนวนโยบายการกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2562

2.สินเชื่อเพื่อเช่าซื้อรถ จากความต้องการซื้อรถใหม่ที่แข็งแกร่งในปีนี้ 3.สินเชื่อบุคคลไม่มีหลักประกัน (บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับฯ) จากการแข่งขันทั้งเรื่องราคา และช่องทางการตลาดใหม่ผ่านดิจิทัลเลนดิ้ง

สำหรับแนวโน้มเงินฝากในช่วงที่เหลือของปี ธนาคารคงมุ่งบริหารจัดการต้นทุนการเงินและการใช้ประโยชน์จากสภาพคล่องให้เกิดสมดุล ซึ่งคงเผชิญความท้าทายมากขึ้นท่ามกลางภาวะการแข่งขันกับผลิตภัณฑ์การออมอื่นๆ เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่คงเข้มข้นขึ้น ตามปัจจัยเชิงฤดูกาลในช่วงท้ายปี ประกอบกับการเตรียมการรับมือกับโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปีหน้าด้วย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังได้สรุปข้อมูลสินเชื่อ เงินฝาก และสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทย 14 แห่ง ณ สิ้นเดือน ก.ย.61 พบว่า ภาพรวมสินเชื่อสุทธิเดือน ก.ย.61 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3.76 พันล้านบาท หรือ 0.03% เป็น 11.345 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นปัจจัยฤดูกาลที่ความต้องการสินเชื่อในไตรมาสที่ 3 มักชะลอตัว อย่างไรก็ดี เนื่องจากปีนี้มีปัจจัยสนับสนุนจากสินเชื่อรายย่อยที่ขยายตัวได้ดีทุกประเภท จึงทำให้ยอดคงค้างสินเชื่อสุทธิรวมในเดือนนี้ยังปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากเดือนก่อนและไตรมาสก่อน รวมทั้งขยายตัวได้ถึง 5.78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ แม้ว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีจะปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ยอดคงค้างของสินเชื่อธุรกิจในภาพรวมปรับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมีการชำระคืนสินเชื่อ ประกอบกับธุรกิจบางส่วนอาจมีทางเลือกในการระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ เพื่อล็อกต้นทุนทางการเงินก่อนที่อัตราดอกเบี้ยในประเทศจะมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

ส่วนภาพรวมเงินฝากเดือน ก.ย.61 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3.93 พันล้านบาท หรือ 0.03% เป็น 12.276 ล้านล้านบาท โดยที่แต่ละธนาคารต่างมีความเคลื่อนไหวแตกต่างกันไปตามสภาพคล่องโดยรวมของตน ทั้งนี้เพื่อบริหารจัดการสภาพคล่องให้เกิดประโยชน์สูงสุด และควบคุมต้นทุนการเงินโดยรวมที่เริ่มมีทิศทางขยับขึ้น อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนและสิ้นปีก่อน เงินฝากยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 4.91% และ 1.47% ตามลำดับ

สำหรับภาพรวมสภาพคล่องของธนาคารผ่อนคลายลงเล็กน้อย แม้ว่าสินเชื่อสุทธิและเงินฝากจะปรับตัวในทิศทางเดียวกันและมีปริมาณใกล้เคียงกัน แต่ธนาคารบางแห่งมีการออกตราสารหนี้และเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้น ทำให้สัดส่วนเงินให้สินเชื่อรวมต่อเงินฝากที่รวมตราสารหนี้ที่ออกและเงินกู้ยืม (LTD+Borrowing Ratio) ขยับลงเป็น 87.43% จากระดับ 87.63% ในเดือนก่อนหน้า และสอดคล้องกับอัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่องต่อสินทรัพย์รวมที่ปรับขึ้นมาที่ 21.30% จากระดับ 21.01% ในเดือนก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ