ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มแบกต้นทุนไม่ไหวขอขึ้นรอบใหม่/พาณิชย์คาดให้แค่ 3 บ.

          ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มทนแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นไม่ไหวทำหนังสือแจ้งกรมการค้าภายในขอปรับราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด(1 ลิตร) เพิ่มอีก 6.50 บาท หรือปรับขึ้นจากขวดละ 43.50 บาท มาเป็นขวดละ 50 บาท ขณะที่อธิบดีกรมการค้าภายในคาดว่าจะอนุมัติให้ปรับขึ้นแค่ขวดละ 3 บาท
          "ผลปาล์มสดปรับขึ้นจากกิโลกรัมละกว่า 4 บาท เมื่อช่วงปลายปี 2550 มาอยู่ที่กิโลกรัมละกว่า 6 บาท ส่งผลให้น้ำมันปาล์มดิบขึ้นมาอยู่ที่ลิตรละ 32.50 บาทแล้ว" แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าว
          ก่อนหน้านี้ กระทรวงพาณิชย์ได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับเพดานราคาอีกขวดละ 5.50 บาท จากขวดละ 38 บาทมาอยู่ที่ 43.50 บาท
          ทั้งนี้ น้ำมันปาล์มบรรจุขวดมีแนวโน้มขาดตลาดในอนาคต เพราะขณะนี้ผู้ประกอบการเริ่มลดกำลังการผลิตลงเนื่องจากประสบปัญหาขาดทุน ประกอบกับน้ำมันปาล์มดิบที่จะนำมาทำเป็นน้ำมันบรรจุขวด เพื่อใช้ในครัวเรือนเริ่มขาดแคลน เพราะส่วนหนึ่งต้องนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทน ทำให้เกิดการแย่งวัตถุดิบกัน
          ด้าน นายเศรษฐสรร เศรษฐการุณย์ นายกสมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ยื่นหนังสือไปยังกรมการค้าภายในขอปรับราคาน้ำมันถั่วเหลืองบรรจุขวดเช่นกัน แต่ไม่ได้ระบุราคาที่จะปรับเพิ่มขึ้น เพราะต้องการให้อยู่ในดุลยพินิจของทางการว่าจะอนุมัติให้ปรับเพิ่มขึ้นเท่าไร โดยสมาคมฯ ได้ให้ข้อมูลวัตถุดิบว่ามีราคาสูงขึ้นมาจากปีที่แล้วมาก ปัจจุบันราคาถั่วเหลืองกิโลกรัมละ 19.40 บาท จากปลายปีที่แล้วกิโลกรัมละ 17 บาท ขณะที่ช่วงต้นปีที่แล้วกิโลกรัมละ 13 บาท
          "ที่ต้องขอปรับราคา แต่ไม่ได้ระบุราคาว่าจะขึ้นเท่าไหร่ เพราะต้องการให้กรม(การค้าภายใน)เป็นผู้พิจารณา ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละรายมีต้นทุนแตกต่างกัน แม้จะมีการอนุมัติให้ปรับเพดานราคาขึ้นมา 5.50 บาท แต่ผู้ประกอบการก็ยังขาดทุนอยู่ดี" นายเศรษฐสรร กล่าว
          นายเศรษฐสรร กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีการกักตุนน้ำมันถั่วเหลืองแล้วในบางพื้นที่ เพราะผู้ค้าส่งค้าปลีกกังวลว่าราคาน้ำมันถั่วเหลืองจะปรับราคาสูงขึ้นอีก ดังนั้นทางแก้ปัญหาคือ อนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับขึ้นราคาเร็วที่สุด เพื่อให้ทันกับสถานการณ์วัตถุดิบที่เปลี่ยนแปลงไป
          ขณะที่ นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมการค้าภายในคงไม่อนุมัติให้ปรับขึ้นราคาเพดานที่ขอเข้ามา เพราะจะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบมากเกินไป แต่อาจจะให้อนุมัติให้ปรับเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 3 บาท หรือเพิ่มจาก 43.50 บาท มาอยู่ที่ 46.50 บาท ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้เท่านั้น