ม.หอการค้า เผยผลสำรวจชี้ SME ไทยตื่นตัวยกระดับระบบโลจิสติกส์ตามเทรนด์ e-Commerce เชื่อช่วยเพิ่มยอดขาย

ข่าวเศรษฐกิจ Monday October 29, 2018 12:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดผลสำรวจ "รูปแบบการใช้และการจัดการ Logistics SMEs ไทย" ว่า ในอีก 6 เดือน และ 1 ปีข้างหน้า จะมีความสำคัญมาก ซึ่งเป็นแนวโน้มเหมือนกันหมด ทั้งกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง จดทะเบียน และไม่จดทะเบียน

นอกจากนั้น ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ระบุตรงกันด้วยว่า เทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญมาก คือ การจัดส่งสินค้า ทว่า สาเหตุที่ธุรกิจยังไม่นำเทคโนโลยีมาใช้นั้น คำตอบคือ กิจการมีขนาดเล็กจึงไม่จำเป็นต้องใช้ 29.85%, ไม่มีเงินทุนในการซื้อเทคโนโลยี 26.70%, กิจการไม่มีอะไรเกี่ยวกับเทคโนโลยีเลย 14.81%, เทคโนโลยียังไม่มีความจำเป็นกับกิจการ 13.83%, ไม่รู้ว่าจะใช้เทคโนโลยีอย่างไร 6.80% และอื่นๆ 8.01%

โดยกลุ่มตัวอย่าง 32.40% มีแผนจะลงทุนซื้อเครื่องมือเกี่ยวข้องระบบขนส่ง เทคโนโลยี และไอที โดย 74.32% จะใช้วิธีกู้ยืม เฉลี่ยวงเงินที่ต้องการ 237,217.39 บาท

ทั้งนี้ เอสเอ็มอีไทยมีการดำเนินกิจกรรมโลจิสติกส์หลากหลาย โดยแบ่งตามสัดส่วน 26.48% เพื่อจัดซื้อวัตถุดิบ/สินค้า, 22.97% จัดส่งสินค้า, 18.81% จัดการสต๊อกสินค้า, 12.51% การบรรจุหีบห่อ/บรรจุภัณฑ์, 7.23% ทำเอกสารนำเข้า-ส่งออก, 6.63% วางแผนการผลิต และ 5.37% การจัดการสินค้ารับคืน ทั้งนี้ แทบทุกกิจกรรม กลุ่มตัวอย่างระบุว่าจะทำเอง ยกเว้นแค่การจัดส่งสินค้าที่จะใช้วิธีว่าจ้างผู้อื่น

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัย และผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เผยถึงรูปแบบการใช้บริการขนส่งของ SMEsไทยนั้น กลุ่มตัวอย่าง 60.72% มีการดำเนินธุรกิจออนไลน์ (e-commerce) โดยขนาดเล็กมีมูลค่าการดำเนินธุรกิจออนไลน์ คิดเป็น 26.52% ของมูลค่าทั้งหมด ส่วนธุรกิจขนาดกลางมีมูลค่าการดำเนินธุรกิจออนไลน์ คิดเป็น 31.94% ของมูลค่าทั้งหมด โดยใช้ออนไลน์ดำเนินธุรกิจมาแล้ว 6 ปีเท่ากัน

ทั้งนี้ ธุรกิจมีบริการจัดส่งสินค้าฟรี (Free Shipping) 61.99% และเมื่อแยกตามขนาดธุรกิจ และการจดทะเบียนนิติบุคคลพบว่า ธุรกิจขนาดเล็กและไม่จดทะเบียนนิติบุคคล มีอัตราให้บริการดังกล่าวมากกว่าธุรกิจขนาดกลางและจดทะเบียนนิติบุคคลด้วยซ้ำ โดยส่วนใหญ่เลือกวิธีจัดการส่งสินค้าเอง ซึ่งพาหนะที่นิยมใช้ในการส่งสินค้า ทั้งส่งเอง และจ้างบริษัทขนส่ง ได้แก่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถบรรทุก รถตู้ และรถโดยสาร ตามลำดับ

ส่วนผู้ให้บริการจัดส่งสินค้าที่ผู้ประกอบการนิยมมากสุด ได้แก่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด 20.37%, Kerry 20.06%, บริษัท ขนส่ง จำกัด 16.76%, LINE MAN 12.78%, บริษัท รถโดยสารเอกชน 10.14%, การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) 8.71% , Grab 5.46% , LALAMOVE 2.55%, อื่นๆ รถจักรยานยนต์รับจ้าง 1.46% , เครื่องบิน 0.95% และ บริษัทรถขนส่งเอกชน 0.76%

นายธนวรรธน์ เผยด้วยว่า มาตรการหรือความช่วยเหลือที่กลุ่มตัวอย่างระบุว่าอยากได้รับจากภาครัฐ ได้แก่ 1.พัฒนากระบวนการจัดการระบบโลจิสติกส์ 2.ส่งเสริมหรือพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อจัดการระบบโลจิสติกส์ และ 3.พัฒนาระบบขนส่ง

ส่วนความต้องการจาก SME Development Bank คือ 1.สินเชื่อสำหรับปรับปรุงกระบวนการโลจิสติกส์ เช่น การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ พัฒนาระบบเทคโนโลยีสำหรับการจัดส่งสินค้า และ 2.ส่งเสริมหรือพัฒนาองค์ความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสินค้า การเลือกใช้เทคโนโลยีสำหรับการจัดส่งสินค้าที่เหมาะสมกับธุรกิจ

ด้านนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Development Bank หรือ ธพว.) กล่าวว่า ธนาคารจะนำผลสำรวจดังกล่าวไปพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่และบริการสนับสนุน เพื่อมุ่งตอบตรงความต้องการของเอสเอ็มอีที่อยากลงทุนเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มศักยภาพระบบโลจิสติกส์ และช่วยลดต้นทุนการจัดส่งสินค้า นอกเหนือจากบริการต่างๆ ที่ธนาคารได้ดำเนินการมาแล้วหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างแพลตฟอร์ม ‘SME D Bank’ ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันรวบรวมเครื่องมือเสริมแกร่งธุรกิจ (Tools Box) มากกว่า 100 รายการ เช่น ระบบคลังสินค้า ระบบจัดการขนส่ง ฯลฯ เปิดให้ดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรี

จัดกิจกรรมเติมความรู้ อาทิ สัมมนาแนะนำการทำตลาดออนไลน์ พาจับคู่ธุรกิจกับผู้ให้บริหารตลาดออนไลน์ อย่าง Shopee และองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) รวมถึงมีโครงการพัฒนาด้านดีไซน์และบรรจุภัณฑ์ ให้โดนใจตลาดและเหมาะสมแก่การจัดขนส่ง เป็นต้น

และสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการลงทุนเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ หรือปรับปรุงบรรจุภัณฑ์ ธนาคารมีสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษไว้บริการ เช่น สินเชื่อเถ้าแก่4.0 จากกระทรวงอุตสาหกรรม สำหรับนิติบุคคล คิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปี ปลอดชำระเงินต้น 3 ปีแรก เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยที่มีปัญหาทางการเงินสามารถกู้ได้ (แม้เคยปรับโครงสร้างหนี้ หรือผ่อนชำระไม่ต่อเนื่องมาก็ตาม) และ สินเชื่อเศรษฐกิจติดดาว สำหรับบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ดอกเบี้ย 3% ต่อปี ใน 3 ปีแรก เพื่อธุรกิจเกษตรแปรรูป ท่องเที่ยว/ท่องเที่ยวชุมชน และผู้ประกอบการใหม่ หรือมีนวัตกรรม เป็นต้น

อนึ่ง มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ทำการสำรวจ "รูปแบบการใช้และการจัดการ Logistics SMEs ไทย" จากกลุ่มตัวอย่าง 1,221 ตัวอย่าง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ