นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) สายงานกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า สำนักงาน กสทช. ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สมาคมธนาคารไทย และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปลดล็อคการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และสถาบันการเงินในการให้บริการพร้อมเพย์และการทำธุรกรรมทางการเงินอื่นๆ ด้วยระบบ USSD *179 ที่ใช้รหัสอ้างอิง หรือ reference code ในการลงทะเบียนร่วม เพื่ออำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนบริการพร้อมเพย์ และแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ธนาคารในการสมัครใช้งานพร้อมเพย์
ระบบดังกล่าวจะทำให้การตรวจสอบยืนยันตัวตนการเป็นเจ้าของเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถสอบทานได้กับข้อมูลการลงทะเบียนของผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทำให้การลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่มีความปลอดภัยและสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยสามารถสมัครผ่านช่องทางอื่นนอกเหนือจากเคาน์เตอร์ธนาคาร เช่น ตู้เอทีเอ็ม โดยระบบ USSD *179 จะเริ่มใช้งานได้ในวันที่ 1 ม.ค.62
"ระบบดังกล่าวจะใช้ในการยืนยันตัวตนในการลงทะเบียนพร้อมเพย์ และลดขั้นตอนการทำงานของตัวกลางลง จากที่ผ่านมายังมีความยุ่งยากในการตรวจสอบ สำหรับผู้ที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ไปแล้ว แต่มีการเลิกใช้ และยังไม่ได้ยกเลิกเบอร์เดิม ทำให้เบอร์เก่ายังติดพร้อมเพย์ ซึ่งเมื่อมีผู้ใช้คนใหม่ได้เบอร์เก่าของเราไปใช้ ก็ทำให้ใช้เบอร์นี้สมัครพร้อมเพย์ไม่ได้ การใช้รหัส USSD ซึ่งเป็นระบบหลังบ้านแบบใหม่จะช่วยให้ค่ายมือถือกับแบงก์เชื่อมข้อมูลลูกค้าถึงกัน
กล่าวคือ เมื่อเราไปแบงก์เพื่อยืนยันว่าเราเป็นเจ้าของเบอร์นี้จริงๆ และต้องการเอาเบอร์นี้สมัครพร้อมเพย์ แต่เบอร์นี้ยังติดชื่อลูกค้าเก่า แบงก์ก็จะให้เรากด *179*ตามด้วยเลขบัตรประชาชน 13 หลัก กด#แล้วโทรออก มือถือก็จะขึ้นรหัส USSD เพื่อยืนยันว่า เบอร์นี้กับเลขบัตรประชาชนของเราตรงกันจริงหรือไม่ จากนั้น แบงก์ก็จะช่วยปลดล็อกเจ้าของเก่าเพื่อให้เรานำเบอร์นี้มาสมัครพร้อมเพย์ได้ ซึ่งปัจจุบันกระบวนการนี้ต้องใช้เวลาที่แต่ละแบงก์จะประสานข้อมูลกัน"นายก่อกิจ กล่าว
ด้านนางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธปท. กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะก่อให้เกิดประโยชน์ใน 2 ด้าน คือ ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการชำระเงินที่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นช่องทางหลัก โดยสร้างกลไกการพิสูจน์ตัวตนให้รัดกุม รวดเร็ว และปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงเป็นกลไกสำคัญในการต่อยอดบริการ Mobile Banking และ e-payment อื่นทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐ เช่น National Digital ID ให้มีการพัฒนาการรองรับการขยายตัวที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้นในอนาคต
ทั้งนี้ จากข้อมูลตั้งแต่เริ่มให้บริการพร้อมเพย์จนถึงปัจจุบัน มีการลงทะเบียนพร้อมเพย์สูงถึง 45 ล้านราย โดยมีบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ถึง 16 ล้านเลขหมาย และมีปริมาณการทำรายการรวมกว่า 765 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 3.9 ล้านล้านบาท และมียอดการโอนต่อครั้งประมาณ 5,100 บาท