นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ราคาข้าวเปลือกนาปีมีแนวโน้มที่จะสูงกว่าปีที่ผ่านมา โดยข้าวเปลือกหอมมะลิปัจจุบันตันละ 16,000-17,000 บาท บางพื้นที่ตันละ 18,000 บาท เพราะผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิปีนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่เพาะปลูกสำคัญเกิดภัยแล้ง เช่น ร้อยเอ็ด นครราชสีมา ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น ชัยภูมิ ทำให้ผลผลิตลดลง 20% และคาดว่าจะมีผลผลิตเพียง 7 ล้านตัน โดยในจำนวนนี้ประมาณ 5 ล้านตันจะออกสู่ตลาดช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.
ส่วนข้าวเปลือกเจ้า คาดว่าจะมีผลผลิตประมาณ 18 ล้านตัน โดยราคาข้าวเปลือกเจ้าเกี่ยวสด อยู่ที่ตันละ 6,500-6,700 บาท และข้าวเปลือกเจ้าแห้งตันละ 8,000 บาท ซึ่งสูงขึ้นจากปีที่แล้ว และคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับนี้ต่อไป
"ที่ประเมินว่าราคาข้าวเปลือกทุกชนิดที่ชาวนาจะขายได้ยังคงมีราคาสูงกว่าปีที่ผ่านมา แม้ช่วงนี้ข้าวฤดูกาลใหม่จะออกสู่ตลาด เพราะปัจจุบันมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และประเทศในแถบแอฟริกา และผลจากการที่สต็อกข้าวรัฐบาลแทบไม่เหลือแล้ว ทำให้ไม่มีปัจจัยลบกดราคาข้าวในประเทศ โดยปีนี้ คาดว่าไทยจะส่งออกข้าวได้ตามเป้าหมาย 11 ล้านตันอย่างแน่นอน" นายวิชัยกล่าว
นายวิชัย กล่าวต่อว่า เพื่อแก้ปัญหารถเกี่ยวข้าวไม่เพียงพอในช่วงที่ผลผลิตข้าวเปลือกปี 61/62 ออกสู่ตลาดมากในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค. ทำให้เกษตรกรบางพื้นที่ไม่สามารถเกี่ยวข้าวได้ และค่าบริการสูงขึ้น ทางกรมฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ชมรมรถเกี่ยวนวดข้าวไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมอนามัย มาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาโดยชมรมรถเกี่ยวนวดข้าวไทย จะคิดค่าบริการรถเกี่ยวให้กับเกษตรกรในอัตรา 450-500 บาทต่อไร่ จากปกติ 700 บาทต่อไร่
"การดำเนินการดังกล่าว จะช่วยลดต้นทุนให้กับชาวนาได้ไร่ละ 200-300 บาท ในช่วงที่ผลผลิตข้าวออกสู่ตลาดมาก ทำให้ชาวนาเก็บเกี่ยวข้าวได้ทัน ผลผลิตข้าวมีคุณภาพดี และขายข้าวเปลือกได้ในราคาที่สูงขึ้น" อธิบดีกรมการค้าภายในระบุ
ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะอำนวยความสะดวกในการอนุญาตให้ผู้ประกอบการขนย้ายรถเกี่ยวนวดข้าวชั่วคราวจนถึงเดือนก.พ.62 และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจะยกเว้น หรือเรียกเก็บค่าธรรมเนียมผู้ประกอบการนอกสถานที่ในอัตราต่ำสุด