นายชาญวิทย์ นาคบุรี รองผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ในฐานะโฆษก สคร. กล่าวว่า ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมของรัฐวิสาหกิจทั้ง 45 แห่ง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 – กันยายน 2561 มีจำนวน 329,201 ล้านบาท หรือคิดเป็น 87% ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม โดยรัฐวิสาหกิจปีงบประมาณเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 – กันยายน 2561 จำนวน 101,862 ล้านบาท หรือคิดเป็น 70% ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม และรัฐวิสาหกิจปีปฏิทินเบิกจ่ายงบลงทุนสะสม ตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 – กันยายน 2561 จำนวน 227,339 ล้านบาท หรือคิดเป็น 98% ของแผนการเบิกจ่ายลงทุนสะสม
โดยผลการเบิกจ่ายงบลงทุนส่วนใหญ่มาจากรัฐวิสาหกิจที่มีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ อาทิ โครงการทดแทนโรงไฟฟ้าพระนครใต้ ระยะที่ 1 และโครงการขยายระบบไฟฟ้า ระยะที่ 12 ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม - มีนบุรี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ - คูคต ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย โครงการพัฒนาระบบสายส่งจำหน่ายระยะที่ 1 และโครงการพัฒนาระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าระยะที่ 9 ส่วนที่ 1 ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค แผนปรับปรุงและขยายระบบจำหน่ายพลังไฟฟ้าฉบับที่ 12 ปี 2560 – 2564 ของการไฟฟ้านครหลวง
นอกจากนี้ คาดว่ารัฐวิสาหกิจปีปฏิทินจะสามารถช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในภาพรวม โดยประมาณการว่าจะสามารถเบิกจ่ายงบลงทุนส่วนที่เหลือได้สูงสุดถึง 90% ของแผนการเบิกจ่ายงบลงทุนทั้งปี ภายสิ้นเดือนธันวาคม 2561
นายประภาศ คงเอียด ผู้อำนวยการ สคร. เปิดเผยว่า ผลการเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมของรัฐวิสาหกิจ 45 แห่ง ที่ สคร. กำกับดูแลโดยตรงตั้งแต่เดือนมกราคม 2561 – กันยายน 2561 มีจำนวน 310,926 ล้านบาท ซึ่งมีการขยายตัวสูงถึง 45% เมื่อเทียบกับผลเบิกจ่ายงบลงทุนสะสมในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2560
การลงทุนของรัฐวิสาหกิจยังคงเป็นเครื่องมือที่สำคัญของรัฐบาลในการขับเคลื่อนนโยบายสร้างการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น สคร. จึงยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินการลงทุนและเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจในไตรมาส 4/2561 โดยได้เร่งรัดรัฐวิสาหกิจให้เบิกจ่ายงบลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของกรอบงบลงทุนที่คณะรัฐมนตรีกำหนด และให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจกำกับดูแลการเบิกจ่ายงบลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งกำชับให้รัฐวิสาหกิจที่มีงบลงทุนขนาดใหญ่เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนในระยะเวลาที่เหลือของปี 2561 ที่เหลืออีก 3 เดือน ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ด้วย เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องต่อไป