นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นประธานการประชุมสัมมนา ครั้งที่ 2 เพื่อนำเสนอผลการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง งานศึกษาจัดทำแผนพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค โดยที่ผ่านมา สนข. ได้ลงพื้นที่จัดประชุมกลุ่มย่อย (Focus Group) เพื่อหารือหรือพบปะกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน จำนวน 2 ครั้ง การสัมภาษณ์เชิงลึกกว่า 40 หน่วยงาน และได้มีการจัดสัมมนาประชาสัมพันธ์และรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปแล้ว จำนวน 1 ครั้ง เพื่อให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้เข้ามารับรู้และมีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการ ตั้งแต่ขั้นตอนศึกษา การวางแผนโครงการ เพื่อให้การดำเนินการตัดสินใจในการดำเนินโครงการฯ เป็นไปด้วยความโปร่งใส ชอบธรรมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม
ทั้งนี้ จากผลการศึกษาพบว่าพื้นที่ที่มีความเหมาะสมจะพัฒนาท่าเรือบก ประกอบด้วย จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดขอนแก่น และจังหวัดนครสวรรค์ โดยเสนอให้มีการพัฒนา Boarder Logistics Park เพื่อรวบรวม กระจายสินค้า และเพิ่มมูลค่าที่จังหวัดชายแดน อาทิ จังหวัดหนองคาย มุกดาหาร เชียงราย ตาก สระแก้ว และสงขลา เป็นต้น ซึ่งจะมีการเชื่อมโยงกันด้วยระบบโครงข่ายคมนาคมที่มีประสิทธิภาพ
"การศึกษาจัดทำแผนพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค ได้ผ่านขั้นตอนของการสรุปผลการศึกษาเรียบร้อยแล้ว สนข.จึงได้จัดประชุมสัมมนา ครั้งที่ 2 ขึ้นในวันนี้ เพื่อนำเสนอผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของโครงการฯ ประกอบด้วย ภาพรวมผลการศึกษา ระเบียบ ข้อกำหนด ความตกลงระหว่างประเทศ โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ แนวคิด รูปแบบ มาตรฐานการออกแบบ และการบริหารจัดการ การพัฒนาท่าเรือบก และรับฟังความเห็นจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชน"
นายสราวุธ กล่าวว่า สนข. จะนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ ไปประกอบการจัดทำร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ (Draft Final Report) ของการศึกษาจัดทำแผนพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคต่อไป
ทั้งนี้ การพัฒนาศูนย์บริการโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบอย่างไร้รอยต่อ ที่มุ่งเน้นให้ประเทศไทยยกระดับโลจิสติกส์ของประเทศไปสู่การเป็นศูนย์กลางทางการค้า การบริการ และการลงทุนในภูมิภาค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำแผนพัฒนาท่าเรือบกให้เป็นกลไกสำคัญตอบสนองการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของไทย และของประเทศเพื่อนบ้านผ่านท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค หรือกลุ่มประเทศ CLMV และกำหนดแนวทางการพัฒนาพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาท่าเรือบก ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้ สนข. ดำเนินงานศึกษาจัดทำแผนพัฒนาท่าเรือบก (Dry Port) เพื่อนำไปสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาค ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2560 – 2564) และนโยบายการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบขนส่งทางรางให้เป็นโครงข่ายหลัก
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างพัฒนาโครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 ที่จะเปิดประมูลในเดือนพฤศจิกายน 2561 จะทำให้ท่าเรือแหลมฉบังมีขีดความสามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าได้ถึงปีละ 18 ตู้ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อปริมาณการจราจรบริเวณโดยรอบท่าเรือ แม้ว่ามีสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ลาดกระบังให้บริการอยู่แล้ว แต่ปริมาณคอนเทนเนอร์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนเต็มความจุ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดแนวทางการพัฒนาและกำหนดพื้นที่ที่มีความเหมาะสมในการพัฒนาท่าเรือบกให้ชัดเจน เพื่อลดความแออัดบริเวณรอบท่าเรือแหลมฉบัง โดยกระทรวงคมนาคมกำหนดเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนการขนส่งทางรางเข้าสู่ท่าเรือแหลมฉบังจากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 5.5% เพิ่มเป็น 30%
โดยท่าเรือบกที่จะพัฒนานี้ ทำหน้าที่ตรวจปล่อยสินค้าเหมือนท่าเรือ ประกอบด้วย 3 ชนิด ได้แก่ 1. ท่าเรือบกใกล้ท่าเรือ (Close Dry Port) 2. ท่าเรือบกระยะกลางประมาณ 300 กม.จากท่าเรือ (Mid-range Dry Port) และ 3. ท่าเรือบกที่ชายแดน (Distant Dry Port) เพื่อตอบสนองต่อปริมาณการขนส่งสินค้าที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตในแต่ละพื้นที่