เวิล์ดแบงค์เผยศก.ประเทศที่กำลังพัฒนาถูกกระทบจากศก.สหรัฐซบเซาในปี 50

ข่าวต่างประเทศ Wednesday January 9, 2008 09:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ธนาคารโลกเปิดเผยในรายงาน 'Global economic prospects 2008: Technology diffusion in the developing world' ว่า กลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาส่วนใหญ่มีอัตราการขยายตัวที่ชะลอตัวลงในปีพ.ศ.2550 เพราะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลง และคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวลงอีกในปีพ.ศ.2551 ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นอีกครั้งในปีพ.ศ.2552
ธนาคารโลกกล่าวว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลาง ชะลอตัวลง 0.1% ในปีพ.ศ.2550 หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 7.5% ในปีพ.ศ.2549
"แม้ยอดนำเข้าจากสหรัฐจะอ่อนตัวลง แต่ตัวเลขการใช้จ่ายในประเทศส่งออกน้ำมันยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ การที่เศรษฐกิจจีนและอินเดียเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจช่วยให้เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 7% หรือ มากกว่าในปีพ.ศ.2551 และ 2552" รายงานระบุ
"เราคาดว่าอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในเอชียตะวันออกและแปซิฟิกจะยังคงแข็งแกร่ง แต่คาดว่าเศรษฐกิจในเอเชียใต้จะชะลอตัวลง โดยคาดว่า GDP ของประเทศเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะชะลอตัวลง 0.3% สู่ระดับ 9.7% ในปีพ.ศ.2551 และ 9.6% ในปีพ.ศ.2552"
ธนาคารโลกคาดว่า GDP ของจีนจะชะลอตัวลงปานกลางสู่ระดับ 10.5% ในปีพ.ศ.2552 และคาดว่า GDP ญี่ปุ่นจะชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.8% ในปีพ.ศ.2551 ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นแตะระดับ 2.1% ในปีพ.ศ.2552
ทั้งนี้ ธนาคารโลกกล่าวว่า ปีพ.ศ.2551 จะเป็นปีที่ท้าทายสำหรับคณะกรรมการกำหนดนโยบาย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มถดถอยและราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น รวมทั้งความผันผวนในตลาดการเงินซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดซับไพรม์ของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกมั่นใจว่าการที่ประเทศเอเชียตะวันออกมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมาก และมีสถานะเกินดุลบัญชีเดินสะพัด จะช่วยให้เศรษฐกิจในภูมิภาคแห่งนี้สามารถต้านทานกับปัจจัยลบได้และจะช่วยลดความผันผวนของเศรษฐกิจระดับมหภาค สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ