องค์การที่ประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ หรือ อังค์ถัด (UNCTAD) เปิดเผยว่า เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ทั่วโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2550 แต่ความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจของสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยและความเสี่ยงจากปัจจัยอื่นๆอาจส่งผลกระทบต่อตัวเลข FDI ในปี 2551
เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ขยายตัวขึ้น 17.8% จากระดับในปี 2549 เพิ่มขึ้นจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2543
แม้ว่ามูลค่าการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ทั่วโลกในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 จะลดลง แต่ผลกำไรของบริษัทต่างๆที่เพิ่มขึ้นและเงินสดจำนวนมากที่กระตุ้นมูลค่าการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ทั่วโลกเป็นปัจจัยที่หนุนให้เม็ดเงิน FDI เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
"ปัญหาการเงินและสินเชื่อซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงครึ่งหลังของปี 2550 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปริมาณเม็ดเงิน FDI โดยรวม" เขากล่าว
เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ไปยังญี่ปุ่น อยู่ที่ระดับ 2.88 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2550 หลังจากที่ประเทศได้เปิดเผยตัวเลขเม็ดเงินไหลออกสุทธิเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีในปี 2549 การที่ซิตี้ กรุ๊ป อิงค์ บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ได้เข้าซื้อกิจการของนิกโก้ คอร์เดียล คอร์ปนั้นได้ช่วยหนุนให้เม็ดเงิน FDI ของญี่ปุ่นในปี 2550 เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม อังค์ถัดยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้ม FDI ทั่วโลก เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาะถดถอย ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผันผวนและสูงขึ้น และปัญหาในตลาดเงินที่รุนแรงขึ้น สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย วณิชชกร ควรพินิจ/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--