นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์สถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่า สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ในปีนี้ จะขยายตัวได้ราว 6-8% โดยมีผลกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1.04 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.3% และเป็นกำไรสุทธิ 5.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.5% อย่างไรก็ดี มองว่าในปีนี้สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์จะไม่ได้เร่งตัวมากนักจากผลของมาตรการที่ ธปท.จะมีการปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ แต่การเร่งตัวจะเป็นไปตามภาวะปกติของสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส
"ในส่วนของสินเชื่อที่อยู่อาศัย เชื่อว่าจะไม่เร่งตัวมากจากมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย แต่จะเป็นไปตามสภาวะการปล่อยสินเชื่อปกติในไตรมาส 4 ไม่ได้เกี่ยวกับมาตรการสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพราะหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เม.ย.2562" นายสมชาย ระบุ
สำหรับในไตรมาส 3/61 สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.3% จากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 5.4% โดยเป็นการขยายตัวต่อเนื่องสอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจ และเป็นการขยายตัวจากสินเชื่ออุปโภคบริโภคเป็นสำคัญ แต่ผลบวกของเศรษฐกิจยังไม่ส่งผ่านไปยังคุณภาพสินเชื่อของลูกหนี้บางกลุ่ม โดยเฉพาะธุรกิจ SME ทำให้ภาพรวมของสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในไตรมาส 3/61 ยังทรงตัว โดยอยู่ที่ 2.94% จากไตรมาสก่อนหน้าที่ 2.93%
"แม้เศรษฐกิจจะขยายตัว แต่ยังไม่ลงไปถึงธุรกิจ SME และจะต้องรออีก 2 ถึง 3 ไตรมาส คุณภาพสินเชื่อของ SME ถึงจะดีขึ้น ส่วน NPL จะถึง 3% หรือไม่ ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและนโยบายการคุม NPL ของแต่ละสถาบันการเงิน" นายสมชายกล่าว
อย่างไรก็ดี ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากรายได้ดอกเบี้ย ตามสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น และกำไรจากการขายเงินลงทุน ทั้งนี้ ระบบธนาคารพาณิชย์ยังมีเสถียรภาพ มีเงินสำรอง เงินกองทุน และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถรองรับการขยายตัวของสินเชื่อในระยะต่อไปได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
สินเชื่อขยายตัวจากสินเชื่ออุปโภคบริโภคเป็นสำคัญ ขณะที่สินเชื่อธุรกิจขยายตัวในหลายประเภทธุรกิจ โดยเฉพาะจากธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อ SME ที่วงเงินค่อนข้างสูง ทั้งนี้ ธุรกิจขนาดใหญ่บางส่วนระดมทุนผ่านตราสารหนี้เพิ่มขึ้นเพื่อบริหารต้นทุนทางการเงิน ส่งผลให้ภาพรวมการระดมทุนผ่านสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์และตราสารหนี้ขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 5.6% มาอยู่ที่ 7.1%
สินเชื่อธุรกิจ (66.3% ของสินเชื่อรวม) ขยายตัว 5.2% ปรับเพิ่มขึ้นในหลายประเภทธุรกิจ โดยเฉพาะจากธุรกิจขนาดใหญ่ในภาคพาณิชย์และภาคบริการเป็นสำคัญ ขณะที่ภาคธุรกิจบางส่วนระดมทุนผ่านตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้โดยรวมสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ (ไม่รวมธุรกิจการเงิน) ขยายตัวที่ 0.6% สำหรับสินเชื่อธุรกิจ SME (ไม่รวมธุรกิจการเงิน) ขยายตัวที่ 7.2% ซึ่งเป็นการขยายตัวจากธุรกิจ SME ที่วงเงินค่อนข้างสูงในภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นสำคัญ
สินเชื่ออุปโภคบริโภค (33.7% ของสินเชื่อรวม) ขยายตัวเพิ่มขึ้นในทุกพอร์ตสินเชื่อมาอยู่ที่ 8.4% เมื่อเทียบระยะเดียวกันปีก่อน โดยสินเชื่อรถยนต์เร่งตัวต่อเนื่องมาอยู่ที่ 12.5% สอดคล้องกับยอดจำหน่ายรถยนต์ที่ขยายตัวดีหลังหมดผลของมาตรการรถยนต์คันแรก และการเร่งระดมทุนของธุรกิจให้บริการสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมา สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อบัตรเครดิตขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.8% และ 8.2% ตามลำดับ สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีต่อเนื่อง และสินเชื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวที่ 6.4% สอดคล้องกับภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์
คุณภาพสินเชื่อของระบบธนาคารพาณิชย์ พบว่าสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NonPerforming Loan : NPL) ต่อสินเชื่อรวมอยู่ที่ 2.94% ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนที่ 2.93% โดยมียอดคงค้าง NPL ที่ 443 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 1.25 พันล้านบาท จากสินเชื่อธุรกิจ SME เป็นสำคัญ สินเชื่อจัดชั้นกล่าวถึงเป็นพิเศษ (Special Mention Loan : SM) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.42% จาก 2.36% ในไตรมาสก่อน โดยมียอดคงค้างทั้งสิ้น 365 พันล้านบาท ทั้งนี้ธนาคารพาณิชย์กันเงินสำรองเพื่อสร้างความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินสำรอง 652 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 15.4 พันล้านบาท และสัดส่วนเงินสำรองที่มีต่อเงินสำรองพึงกันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 190.7%
ในไตรมาส 3 ปี 2561 ระบบธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยตามสินเชื่อที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นและกำไรจากการขายเงินลงทุน กอปรกับค่าใช้จ่ายกันสำรองที่ปรับลดลง อย่างไรก็ตาม รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง ส่วนหนึ่งจากการปรับตัวของธนาคารพาณิชย์เพื่อยกมาตรฐานด้านการให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market conduct) และจากการโอนเงินผ่านช่องทางดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นมาก ในภาพรวมอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Asset : ROA) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.10% จาก 1.04% ในระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin: NIM) ทรงตัวอยู่ที่ 2.77%
ระบบธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 2,552 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.1 พันล้านบาท จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นผลจากการจัดสรรกำไรเข้าเป็นเงินกองทุนเป็นสำคัญ ส่งผลให้อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (Common Equity Tier 1 : CET1 ratio) เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18.4% และ 15.8% ตามลำดับ