นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า จากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้กรมธนารักษ์ดำเนินการแก้ไขสัญญาการเช่าพื้นที่ราชพัสดุหมอชิต จำนวน 63 ไร่ กับบริษัท บางกอกเทอร์มินอล (BKT) จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานรายเดิม เนื่องจากศาลตัดสินว่าสัญญาที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ยังผูกพันไม่ได้เป็นโมฆะ
กรมธนารักษ์ ได้เตรียมหารือกับภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ผู้รับสัมปทานโครงการออกแบบรายละเอียดของโครงการใหม่ทั้งหมด รวมถึงการขออนุญาตจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวพิจารณาเห็นชอบ โดยกรมธนารักษ์ได้ยึดอายุสัญญาสัมปทานเท่าเดิมที่ 30 ปี ซึ่งคาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ในเดือน ก.พ.62
ทั้งนี้ มูลค่าโครงการลงทุนยังอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท แต่รูปแบบโครงการของการพัฒนาที่ราชพัสดุมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก โดยจะมีทั้งพื้นที่โรงแรม ที่พักอาศัยแบบห้องชุดหรือคอนโดมิเนียม ห้างสรรพสินค้าและร้านค่าต่างๆ รวมถึงที่จอดรถของกรมขนส่งทางบกจำนวน 1 แสนตารางเมตร ซึ่งจะต้องเร่งหารือกับกรมขนส่งทางบกว่ารถยนต์ที่จะเข้ามาจอดในพื้นที่โครงการจะเป็นรถตู้ หรือรถบัสขนาดใหญ่ เพื่อที่จะได้ผู้รับสัมปทานออกแบบรายละเอียดของโครงการได้อย่างถูกต้อง
"ผู้ได้รับสัมปทานยังต้องการให้กรมขนส่งทางบกมาตั้งสถานีขนส่งในโครงการ เพราะจะทำให้มีคนมาใช้บริการพื้นที่และใช้บริการที่พักอาศัย รวมถึงห้างสรรพสินค้า ซึ่งจะเร่งหารือกับทุกฝ่ายเพื่อให้เซ็นสัญญาได้ต้นปีหน้า จะได้เริ่มก่อสร้างหลังจากโครงการนี้ผ่านมา 20 ปีแล้วไม่ยังไม่สามารถก่อสร้างได้ เพราะติดปัญหาข้อกฎหมาย" นายอำนวย กล่าว