แบงก์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า การที่รัฐบาลจีนมีคำสั่งไม่ให้ขึ้นราคาสินค้าและบริการต่างๆในประเทศนั้น สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลมีความกังวลในเรื่องเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจจะนำไปสู่การใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นและการขึ้นค่าเงินหยวนเร็วขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้
ท่ามกลางสภาวะที่ราคาน้ำมันและราคาอาหารปรับตัวสูงขึ้นทั่วโลก รวมถึงความกดดันจากภาวะเงินเฟ้อในประเทศ ได้ส่งผลให้คณะรัฐมนตรีจีนมีคำสั่งถึงหน่วยงานต่างๆและรัฐบาลระดับท้องถิ่นไม่ให้ขึ้นราคาผลิตภัณฑ์น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ไฟฟ้า สาธารณูปโภค และการขนส่งสาธารณะ
นอกจากนี้ รัฐบาลยังกล่าวว่าจะใช้มาตรการฉุกเฉินชั่วคราวในการเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อรับประกันว่าราคาสินค้าและบริการที่จำเป็นจะยังไม่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ก่อนที่จะถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนในเดือนกุมภาพันธ์
หวัง เถา นักเศรษฐศาสตร์ประจำแบงก์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า "เราเชื่อว่ามาตรการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อมากขึ้น"
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของจีนปรับตัวสูงขึ้น 6.9% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปี 2539 โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาอาหาร
นายหวังกล่าวเพิ่มเติมว่า ทางการจีนควรปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าเร็วขึ้นกว่านี้ เพื่อที่จะจำกัดเงินเฟ้อจากสินค้านำเข้า โดยจีนควรปรับเพิ่มอัตราส่วนเงินทุนสำรอง (Reserve Requirement Ratio) อีกครั้ง หลังจากที่ปรับเพิ่มมาแล้ว 10 ครั้งในปีที่ผ่านมา จนมาอยู่ที่ระดับ 14.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2527
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--