เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเงินยูโรและเงินเยนในการซื้อขายช่วงบ่ายวันนี้ (10 ม.ค.) หลังจากที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 0.50% ในเดือนนี้ เพื่อป้องกันมิให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
จำนวนผู้ว่างงานในสหรัฐที่เพิ่มขึ้น การใช้จ่ายผู้บริโภคที่ลดลง รวมถึงตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดการเงินที่ยังอยู่ในภาวะซบเซา เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดความกลัวว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในอีกไม่นาน โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา AT&T ก็ออกมาเตือนว่าเศรษฐกิจที่ซบเซาอาจทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคชะลอตัว
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล รายงานว่า ณ เวลา 13.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น (12.00 น.ตามเวลาประเทศไทย) เงินยูโรซื้อขายอยู่ที่ 1.4680 ดอลลาร์ต่อยูโร ทะยานขึ้นจาก 1.4658 ดอลลาร์ต่อยูโรในการซื้อขายช่วงเช้า ในขณะที่เงินดอลลาร์ซื้อขายอยู่ที่ระดับ 109.77 เยนต่อดอลลาร์ ลดลงจาก 109.95 เยนต่อดอลลาร์
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะประชุมกันในวันที่ 30 ม.ค.นี้ เพื่อตัดสินว่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
นักลงทุนต่างเฝ้ารอแถลงการณ์ของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐและตลาดการเงิน ซึ่งจะได้รับการเปิดเผยในวันนี้ เนื่องจากแถลงการณ์ดังกล่าวสามารถบอกเป็นนัยได้ว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยหรือไม่
ในวันนี้ ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอังกฤษ จะแถลงผลการประชุมเช่นกัน
"ตลาดยังคงมีความวิตกกังวล จนกว่าธนาคารกลางยุโรปและธนาคารกลางอังกฤษ จะออกแถลงการณ์ในวันนี้" นายแลมกล่าว
นอกจากนั้นเขายังคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากที่ได้ปรับดอกเบี้ยลง 0.25% เมื่อเดือนที่แล้ว ในขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนมากคาดการณ์ว่าธนาคารกลางทั้งสองแห่งจะยังตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม
นายแลมกล่าวทิ้งท้ายว่า เงินเยนน่าจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบเงินดอลลาร์ ในขณะที่เงินยูโรมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ในปลายไตรมาสนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--