บริษัท อัลโค อิงค์ (Alcoa Inc.) ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก เริ่มต้นปีงบประมาณใหม่ด้วยอนาคตที่สดใส หลังผลกำไรในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว ทะยานกว่า 76% อันเป็นผลมาจากการที่บริษัทเซ็นสัญญาขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และธุรกิจเกี่ยวกับผู้บริโภค
อัลโคเปิดเผยว่า บริษัทมีรายได้สุทธิ 632 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 75 เซนต์ต่อหุ้น ในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้วสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. จากเดิมที่ 359 ล้านดอลลาร์ หรือ 41 เซนต์ต่อหุ้น ในไตรมาสเดียวกันของปี 2549
ผลประกอบการโดยนับรวมการปรับโครงสร้างและภาษี อยู่ที่ 323 ล้านดอลลาร์ หรือ 38 เซนต์ต่อหุ้น ส่วนใหญ่ได้มาจากการที่บริษัทเซ็นสัญญาขายธุรกิจการทำบรรจุภัณฑ์และธุรกิจเกี่ยวกับผู้บริโภค
ราคาเหล็กกล้าที่ปรับลดลง รวมถึงการไม่นับรวมรายได้จากธุรกิจรีดแผ่นอัลลอย ส่งผลให้ผลประกอบการรายไตรมาสลดลงเหลือ 7.39 พันล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ 7.84 พันล้านดอลลาร์ในปี 2549
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่ออกมาอยู่เหนือความคาดหมายของตลาดวอลล์สตรีท โดยผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียล คาดการณ์ว่า อัลโคน่าจะมีผลประกอบการ 6.92 พันล้านดอลลาร์ หรือ 33 เซนต์ต่อหุ้น โดยการคาดการณ์ดังกล่าวมักไม่นับรวมสินค้าที่ทำกำไรได้ครั้งเดียว
อัลเลน เบลดา ประธานและซีอีโอของอัลโค กล่าวว่า ผลประกอบการปี 2550 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.075 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ 3.038 หมื่นล้านดอลลาร์ ในปี 2549 นอกจากนั้นรายได้จากธุรกิจที่ยังดำเนินงานอยู่และกระแสเงินสดก็ทะยานแตะระดับสูงสุดเช่นกัน
ในช่วงปีที่แล้ว บริษัทต้องเผชิญกับต้นทุนด้านวัตถุดิบ พลังงาน และอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราที่สูงขึ้น แต่บริษัทก็ยังลงทุนในโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยทำมาจนถึงปัจจุบัน สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--