นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวปาฐกถาในงานสัมมนา"5G : จุดเปลี่ยน Landscape เศรษฐกิจ-การเมืองไทย"ว่า หลังปี 2563 เมื่อ 5G เข้ามามีบบาทแล้ว จะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยโครงสร้างภาคการผลิตเมื่อปัญญาประดิษฐ์และ Internet of Thing (IoT) เข้ามามีบทบาท จะทำให้หุ่นยนต์มาทำงานแทนคนเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มมูลค่าเพิ่ม ขณะที่ห่วงโซ่การผลิตจะเปลี่ยนไปโดยผู้ผลิตจะขายตรงไปที่ลูกค้า BIG Data จะมีบทบาทในการผลิตเพื่อลดต้นทุน ความแม่นยำในการวางแผนการผลิตสินค้าจะตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
ขณะที่ภาคธุรกิจที่เป็นตัวกลางในการประกอบธุรกิจ จะถูกลดบทบาทและหายไปในที่สุด อาทิ ธนาคาร เอเย่นต์ท่องเที่ยว (travel Agent) ร้านค้า ขณะเดียวกันจะมีการต่อยอดและเกิดธุรกิจใหม่ๆตามเทคโนโลยีใหม่ที่นะเกิดขึ้น
สำหรับการเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองในยุค 5G จะมีการเปลี่ยนแปลงด้านการเลือกตั้ง สิทธิของผู้เลือกตั้งจะไร้พรมแดน อนาคตจะใช้สิทธิผ่านออนไลน์ และสามารถลงคะแนนลับได้ทุกหน่วยเลือกตั้งแบบดิจิทัล ไม่ต้องเดินทางหรือกลับภูมิลำเนา จะทำให้การใช้สิทธิเลือกตั้งสะดวกมากขึ้น รวมทั้งการหาเสียงไม่จำเป็นต้องหาเสียงผ่านคนกลาง เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แต่ใช้ Social Media ในการหาเสียง ใช้ VR หรือ AR ในการเจ้าถึงประชาชนโดยตรงทุกที่พร้อมกัน ใช้ BIG Data วิเคราะห์ฐานเสียง และสื่อสารสองทาง
ด้านนายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจสัมพันธ์และองค์กร บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) คาดว่าเทคโนโลยี 5G จะเกิดขึ้นในปี 62 โดย 5G จะมีความเร็วกว่า 4Gเป็น 100 เท่า และสามารถใช้อุปกรณ์ได้มากกว่า 1 ID และมีระยะเวลาตอบสนอง (Latency) เร็วมาก โดยเหมาะใช้กับอุปกรณ์การแพทย์ อากาศยานไร้คนขับ เป็นต้น
ในไทยจะใช้คลื่นความถี่ 2600MHz รองรับ 5G ขณะที่ไทยยังไม่ยกเลิกการใช้ 2G ซึ่งแล้วไปใช้ 3G จะนำคลื่นมาใช้ และ 4G ที่ยังมีเหลืออยู่ 35MHz บนคลื่น 1800MHz ทั้งหมดน่าจะนำมาใช้งานได้