นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ได้จัดสัมมนา "ไทย-ยูเรเซีย : รุกหน้ากระชับความสัมพันธ์มิติใหม่" ซึ่งจัดขึ้นภายหลังการลงนามจัดทำบันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเซีย (Memorandum of Cooperation between the Government of Kingdom of Thailand and the Eurasian Economic Commission : MoC) ระหว่าง รมว.พาณิชย์และ รมว.ด้านการบูรณาการและเศรษฐกิจมหภาคของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจยูเรเชีย เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 ณ ทำเนียบรัฐบาล
โดยการสัมมนาครั้งนี้ มีผู้ให้ความสนใจทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ผู้ประกอบการ และประชาชนทั่วไป เข้าร่วมกว่า 300 คน มีวิทยากรจากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลของประเทศสมาชิกยูเรเซียในประเทศไทย หอการค้าไทย-รัสเซีย เป็นต้น ร่วมขึ้นเวทีเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และโอกาสทางการค้าของไทยในยูเรเซียซึ่งเป็นสหภาพศุลกากรที่ประกอบด้วยสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ รัสเซีย อาร์เมเนีย เบลารุส คีร์กีซ์ และคาซัคสถาน
นายบุณยฤทธิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันไทยให้ความสำคัญในการขยายการค้าการลงทุนกับยูเรเซีย โดยการลงนามจัดทำบันทึกความร่วมมือระหว่างไทยและยูเรเซีย จะเป็นช่องทางกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจในสาขาต่างๆ เช่น การค้าการลงทุน, ทรัพย์สินทางปัญญา นโยบายการแข่งขัน เป็นต้น เพื่อปูทางไปสู่การเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างกันในอนาคต
โดยยูเรเซียถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรรวมกันกว่า 180 ล้านคน มีผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) รวมกันมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีมูลค่าการค้ากับประเทศนอกกลุ่มกว่า 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐต่อปี และเป็นกลุ่มประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทันสมัย จึงถือเป็นตลาดหนึ่งที่มีศักยภาพสำหรับไทย
"การสัมมนาครั้งนี้ จึงมุ่งเน้นให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รู้จัก 5 ประเทศสมาชิกยูเรเซียมากขึ้น รวมทั้งประโยชน์ที่ไทยจะได้รับ หลังจากการลงนามบันทึกความร่วมมือฯ โอกาสการค้าการลงทุน อุปสรรคทางการค้า และประสบการณ์ในการทำธุรกิจจริงในตลาดนี้ เนื่องจากเป็นตลาดใหม่ที่มีความสำคัญมากขึ้นต่อไทย และเป็นกลุ่มประเทศที่อยู่บนเส้นทางสายไหมของจีนที่เป็นความร่วมมือของประเทศตั้งแต่ฝั่งเอเชียถึงยุโรป การเดินหน้ารุกตลาดยูเรเซียรวมทั้งการพัฒนาไปสู่การจัดทำ FTA กับยูเรเซียในอนาคต จึงไม่ได้เป็นเพียงการขยายการค้าการลงทุนระหว่างทั้งสองฝ่าย แต่ยังเปิดโอกาสให้สินค้า บริการ การลงทุน และแรงงานของไทยเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่าของโลกได้อีกด้วย" ปลัดกระทรวงพาณิชย์ระบุ