นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "การพลิกโฉมประเทศไทยภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี" ในงานสัมมนาบางกอกโพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล ฟอรั่ม ประจำปี 2561 ว่า ประเทศไทยได้ริเริ่มโครงการพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เมื่อ 4 ปีก่อน โดยต่อยอดมาจากโครงการอีสเทิร์นซีบอร์ด โดยกำหนดกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย 12 สาขา เช่น กลุ่มเศรษฐกิจชีวภาพที่เหมาะสมกับความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ กลุ่มอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า กลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยาน โดยจะเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในทุกๆด้าน ซึ่งจะเชื่อมโยงไปยังกลุ่มอาเซียน กลุ่ม ACMAC และภูมิภาคอื่นๆ โดยไม่ได้มุ่งสร้างประโยชน์เพื่อประเทศไทยเท่านั้น แต่จะช่วยพัฒนาภูมิภาคอาเซียนด้วย
ความร่วมมือในภูมิภาคจะช่วยให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ของภูมิภาคอาเซียนอย่างไร้รอยต่อเพื่อก้าวข้ามปัญหาความเหลื่อมล้ำไปได้จะช่วยให้ทุกประเทศสามารถเข้าถึงการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุตสาหกรรม การพัฒนาด้านดิจิทัล การพัฒนาโครงข่ายคมนาคม โดยภูมิภาคอาเซียนมีการใช้ประโยชน์เรื่องอีคอมเมิร์ซกันอย่างมาก นอกจากนี้ยังส่งเสริมให้มีการนำระบบอินเตอร์เน็ตมาใช้ประโยชน์ทางการเรียนรู้ การพัฒนาระบบทุนมนุษย์ การวิจัยและพัฒนา ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าและขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก การพัฒนาเอสเอ็มอีให้เข้มแข็ง การนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาด การดูแลสภาวะสิ่งแวดล้อม การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากร
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปีหน้าประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียน ซึ่งมุ่งส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยประเทศไทยจะประสานความร่วมมือเป็นอย่างดีกับภูมิภาคและพันธมิตร เพื่อให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายไว้
รมว.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ประเทศไทยได้ขับเคลื่อนการพัฒนาและปฏิรูปประเทศในทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม การศึกษา เพื่อให้สอดรับการตื่นตัวของภูมิภาคอาเซียน เป็นการเตรียมความพร้อมเมื่อโอกาสมาถึงแล้ว
โครงการ EEC ไม่ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อประโยชน์ของคนในพื้นที่ภาคตะวันออกเท่านั้น แต่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยทั้งประเทศ และตอบโจทย์การพัฒนาภูมิภาคอาเซียนด้วยศักยภาพเรื่องทำเลที่ตั้งซึ่งสามารถเชื่อมโยงการพัฒนาด้านต่างๆ เข้าด้วยกัน และในโอกาสที่ประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้าก็ได้ประกาศเจตนารมย์ที่จะสานงานต่อ และขับเคลื่อนการพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ให้กับอาเซียน
สำหรับเป้าหมายส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ EEC ยังอยู่ที่ 3 แสนล้านบาทเท่าเดิม ซึ่งหากโครงสร้างพื้นฐานหลัก 5 โครงการมีความคืบหน้าตามแผนจะส่งผลดีทางจิตวิทยาและสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนมากขึ้น
"ถ้าเราอยู่เฉย ยังไม่เริ่มต้น ก็จะทำให้ประเทศล้าหลัง เรามีแผนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนที่จะยกระดับเศรษฐกิจของประเทศให้มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น มีการเชื่อมโยงการพัฒนากับประเทศเพื่อนบ้านและพันธมิตร" รมว.อุตสาหกรรม กล่าว
รมว.อุตสาหกรรม ยังกล่าวถึงแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศในปี 62 ว่า ยังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่อง สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้ ขณะที่พื้นฐานทางเศรษฐกิจในประเทศที่เข้มแข็งและมั่นคง ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันผลกระทบที่เกิดขึ้นในเวทีโลก
"เรามีภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็ง แต่ความขัดแย้งของสองประเทศยักษ์ใหญ่เหมือนช้างชนกันก็เป็นไปได้ที่จะมีการย้ายฐานการผลิตเข้ามาบ้านเรา แต่เราต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมและประโยชน์สูงสุด"
ส่วนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือน ก.พ.62 นั้นเป็นไปตามโรดแมพที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำหนดไว้ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศ หากระบบเศรษฐกิจของไทยมีความเข้มแข็งแล้วจะยิ่งช่วยให้การพัฒนาก้าวหน้าไปได้ดียิ่งขึ้น