นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี คาดว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยทั้งปีจะขยายตัวได้ 4% เป็นผลจากการเดินหน้าการลงทุนยังดีอยู่ และท่องเที่ยวเริ่มกลับมาฟื้นตัว และหากในช่วง 2 เดือนสุดท้าย การส่งออกขยายตัวได้ 7% ต่อเดือน จะมีส่วนช่วยทำให้จีดีพีโตถึง 4% ได้
สำหรับการส่งออกในเดือน ต.ค.ที่ขยายตัว 8.7% นั้น นายสมคิด กล่าวว่า ในภาพรวมตลาดส่งออกไปญี่ปุ่นเติบโตได้ถึง 16% และตลาดจีนเติบโต 3-4 % รวมถึงในตลาดกลุ่มอาเซียนที่ยังเติบโตได้ดี ซึงหากในช่วง 2 เดือนที่เหลือส่งออกเติบโตได้เฉลี่ย 7% ก็มีโอกาสที่ภาพรวมเศรษฐกิจนปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมาย
"เรายังส่งออกถึง 70% ถ้าถูกฉุดลง โอกาสจีดีพีสูงๆ มันก็ยาก ถ้ายืนได้สูงเกิน 7% ได้จริงก็เชื่อว่า (เศรษฐกิจ) จะยืนอยู่ระดับ 4% ได้ตามเป้าหมาย"นายสมคิด กล่าว
ทั้งนี้ นายสมคิด ได้กำชับให้การเบิกจ่ายภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ รวมถึงการลงทุนในด้านต่างๆ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ให้สิทธิประโยชน์ต้องเป็นไปตามเป้าหมาย
นายสมคิด ได้ฝากการบ้านให้รัฐวิสาหกิจว่า หากงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ หากยังมีโครงการที่น่าสนใจก็ให้คิดล่วงหน้าไว้ ซึ่งสามารถปรึกษากับทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ได้ โดยยกตัวอย่าง บริษัทไปรณีย์ไทย ที่มองว่ายังมีศักยภาพสูง ควรที่จะหามาตรการที่จะรองรับการขยายตัวของตลาดอี-คอมเมิร์ซ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและแข่งขันกับบริษัทอื่นๆได้
ส่วนการที่ ครม.มีมติออกมาตราการช่วยเหลือผู้ที่มีรายได้น้อยวานนี้อาจต้องใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก นายสมคิด กล่าวว่า ทางกระทรวงการคลังได้วางแผนการใช้งบประมาณอย่างรอบคอบแล้ว และโครงการที่เกี่ยวข้องกับประชารัฐก็ใช้เงินผ่านกองทุนประชารัฐ ซึ่งสำนักงบประมาณก็ได้เตรียมการไว้แล้ว
พร้อมกันนี้ นายสมคิด เปิดเผยว่า นอกจากการช่วยกลุ่มผู้สูงอายุ หลังจากนี้จะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียงและกลุ่มอื่นๆต่อไปด้วย ซึ่งมาตราการทั้งหมดได้ใช้เวลาเตรียมการมานานเป็นปีไม่ใช่เพิ่งจะมาออกมาช่วงนี้