นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปีนี้หอการค้าไทยจะจัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 36 ขึ้นที่กรุงเทพฯ ในระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2561 เนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 85 ปี หอการค้าไทย จึงได้กำหนด Theme การจัดงานสัมมนาฯ "85 ปี แห่งความทุ่มเท ให้ไทยเท่ ไทยเท่าเทียม ไทยยั่งยืน"
โดยในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 ที่โรงแรมดุสิตธานี จะมีการสัมมนาการส่งเสริมและพัฒนา YEC ผู้ประกอบการรุ่นใหม่หอการค้าไทย และการประชุมหอการค้าภาค 5 ภาค เพื่อนำเสนอ Winning Project ของแต่ละภาคที่ร่วมกันขับเคลื่อน ในช่วงภาคค่ำ จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 85 ปี หอการค้าไทย "ไทยเท่ไนท์" โดยจัดงาน ณ เมืองสุขสยาม ศูนย์การค้าไอคอนสยาม ที่เป็น Landmark ใหม่ของประเทศไทย ซึ่งตรงกับแนวทาง "ไทยเท่" ที่หอการค้าไทยได้ผลักดันแนวทางนี้ เพื่อกระจายลงสู่ทุกภูมิภาค รวมทั้งได้มีการสร้างสรรค์สินค้าและบริการใหม่ ๆ โดยดึงอัตลักษณ์ในท้องถิ่น ผสานความคิดสร้างสรรค์ ใช้ความต่างพัฒนาให้เป็นมูลค่าเพิ่ม ยกระดับรายได้ของท้องถิ่น ซึ่งเกิดขึ้นแล้วในหลาย ๆ พื้นที่
สำหรับวันที่ 1 – 2 ธันวาคม 2561 จะเป็นการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 36 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ซึ่งในปีนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมารับฟังสรุปผลการสัมมนาฯ พร้อมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง "การปฏิรูปประเทศสู่ ไทยมั่นคง ไทยมั่งคั่ง ไทยยั่งยืน" โดยการสัมมนาในปีนี้ ได้กำหนดให้มีการสัมมนาเชิงปฏิบัติการที่มีความสำคัญต่อการเพิ่มขีดความสามารถ พร้อมด้วยกรณีศึกษาจากประสบการณ์จริงของผู้ประกอบการ โดยมุ่งเน้น 3 เรื่องหลัก ที่หอการค้าไทยได้กำหนดเป็นแนวทางการดำเนินงาน เพื่อให้สอดรับกับ Trade & Services 4.0 ประกอบด้วย
กลุ่มที่ 1 เรื่อง Digital Transformation in Trade & Service แนวทางการสัมมนา สร้างความพร้อมทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการในการเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่รวดเร็ว ที่ต้องเข้าสู่ยุค Digital Economy โดยจะอธิบายถึงสิ่งที่กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจ ทั้ง Technology, Application และ Infrastructure โดยจะยกตัวอย่างกรณีศึกษาของทั้งผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่-รายเล็กที่ได้มีการปรับตัวไปแล้ว ซึ่งจะทำให้ทราบถึงการการสร้างความรู้ และความเข้าใจ เพื่อเตรียมความพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงและความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น รวมถึงแนวทางข้อเสนอแนะของหอการค้าฯ ว่าต้องให้ประเทศไทยขับเคลื่อนด้าน Digital ไปในทิศทางใด และจะช่วยให้ผู้ประกอบการ Transformเข้าสู่ยุค digital ได้อย่างไร รวมถึงโครงการของหอการค้าไทยที่จะทำให้สมาชิก เช่น Thailand Digital Tourism Platform และ TCC Connect
กลุ่มที่ 2 เรื่อง Agriculture and Food Value Chain แนวทางการสัมมนา พัฒนาเกษตรและอาหารไทยสู่ Global Value Chains : ประเทศไทย 4.0 ตั้งแต่ต้นน้ำ คือ การร่วมมือกับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ สภาเกษตรกรแห่งชาติ ในมิติต่าง ๆ ส่วนกลางน้ำ คือ การบูรณาการในการดูแลถ่ายทอดความรู้วิชาการ การพัฒนาตั้งแต่กระบวนการผลิต รูปแบบผลิตภัณฑ์ การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การจัดการคุณภาพสินค้า เพื่อเสริมสร้างรายได้ให้แก่ครัวเรือนเกษตรกรไทย และปลายน้ำ คือ การส่งเสริมมาตรฐานสินค้าเกษตร และหาช่องทางการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศให้สมาชิกผู้ประกอบการหอการค้าทั่วประเทศสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน โดยจะมีแนวทางในการสัมมนา 3 เรื่อง คือ 1) การแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรล้นตลาด 2) Food waste กับการสร้างมูลค่าเพิ่ม และ 3) Value Chain สมุนไพรไทยโอกาสและช่องทางการตลาด ซึ่งในกลุ่มนี้ ได้รวบรวมสินค้าทางเกษตรและอาหารที่ขึ้นชื่อของแต่ละจังหวัดมาจัดนิทรรศการและนำเสนอให้เข้าร่วมสัมมนาอีกด้วย
กลุ่มที่ 3 เรื่อง Community Base Tourism แนวทางการสัมมนา พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชนต้นแบบ และพัฒนาสภาพแวดล้อมทางการท่องเที่ยวชุมชน โดยจะเชื่อมโยงกับแนวทางโครงการ Big Rock ของภาครัฐ ที่หอการค้าไทยและเครือข่ายสามารถทำโครงการเพื่อเชื่อมโยงได้ และจะมีกรณีศึกษาของหลายจังหวัดที่มีความร่วมมือ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชนท้องถิ่น เพื่อให้เกิดต้นแบบความร่วมมือ และขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ เพื่อกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำรวมถึงสร้างมาตรฐาน เช่น โครงการ Go Green model ของจังหวัดกระบี่ เป็นต้น ซึ่งจะมีการถอดบทเรียนปัญหาอุปสรรคของการท่องเที่ยวชุมชน และนำเสนอแนวทางการปลดล็อค ส่งเสริม และพัฒนาเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของการท่องเที่ยวชุมชน
"การสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศในครั้งนี้ หอการค้าไทยคาดหวังว่าผลที่ได้จากการสัมมนา จะเป็นแรงที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นตัวจุดประกายให้กับทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เกิดการกระจายรายได้ และยังเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ยุค 4.0 รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งให้กับท้องถิ่นในทุกจังหวัดได้เติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืนต่อไป" นายกลินท์กล่าว