นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณในระหว่างการแถลงต่อที่ประชุมเศรษฐกิจในกรุงวอชิงตันว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหากจำเป็น เพื่อยับยั้งปัญหาในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดสินเชื่อไม่ให้ลุกลามและฉุดรั้งเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะถดถอย
เบอร์นันเก้แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่า เฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อพยุงเศรษฐกิจสหรัฐที่กำลังอ่อนแอลง โดยเขากล่าวว่า "เฟดพร้อมที่จะใช้มาตรการมากขึ้นอีกหากจำเป็น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้น และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะไม่เผชิญความเสี่ยงช่วงขาลง ซึ่งก่อนหน้านี้เศรษฐกิจสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ"
"เฟดคาดว่าขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ถึงขั้นถดถอย แต่ยอมรับเศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลง ด้วยเหตุนี้เฟดจึงได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยแล้ว 3 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งหลังสุดมีขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ทำให้อัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นของสหรัฐยืนอยู่ที่ 4.25% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี" เขากล่าว
เบอร์นันเก้ยังกล่าวด้วยว่า เขาไม่เห็นด้วยที่จะประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจด้วยข้อมูลเพียงด้านเดียว แต่เขายอมรับว่าหากตัวเลขจ้างงานยังคงอ่อนตัวลง ก็อาจทำให้เศรษฐกิจสหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยงได้ ซึ่งหนึ่งในปัญหาที่น่ากังวลมากที่สุดก็คือ ผู้บริโภคอาจลดการใช้จ่ายลง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจซบเซาลงไปอีก
"ข้อมูลที่เราได้รับมาเมื่อเร็วๆนี้บ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในปีนี้มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสที่จะเผชิญความเสี่ยงช่วงขาลง นอกจากนี้ ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง ราคาที่อยู่อาศัยที่ตกต่ำลง ความยากลำบากในการขอสินเชื่อ และราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคในปี 2551 นี้ทั้งสิ้น" เบอร์นันเก้กล่าว
"ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาลงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐชะลอตัวลง นอกจากนี้ อัตรการผิดนัดชำระหนี้พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และบริษัทการเงินหลายแห่งขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์เนื่องจากเข้าไปลงทุนในตลาดปล่อยกู้จำนอง เฟดคาดว่าปัญหาเหล่านี้จะยังคงรุมเร้าเศรษฐกิจสหรัฐต่อไปในปีนี้ และจะทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกกังวล อีกทั้งจะทำให้ตลาดการเงินสหรัฐตกอยู่ในภาวะเปราะบาง ซึ่งการที่เศรษฐกิจมีความเสี่ยงเช่นนี้ ทำให้เฟดมองว่าการใช้นโยบายผ่อนปรนด้านการเงินเพิ่มขึ้นอีกเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง" เขากล่าว
นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่า แถลงการณ์ของเบอร์นันเก้ในครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.50% ในการประชุมวันที่ 29-30 ม.ค.นี้ แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางคนคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียง 0.25% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังเคลื่อนไหวในระดับสูงอาจทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นได้
นอกจากนี้ การที่เบอร์นันเก้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังเป็น 1 ในปัจจัยบวกที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้น 117.78 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 12,853.09 จุดเมื่อคืนนี้ด้วย สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--