นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า สถานการณ์การค้าระหว่างไทยกับประเทศกลุ่มลาตินอเมริกาในช่วงที่ผ่านมามีมูลค่าการค้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับลาตินอเมริกาอยู่ที่ 9,789.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.7% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการส่งออก 6,255.7 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 3,533.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยในจำนวนนี้มีประเทศที่ไทยได้จัดทำ FTA ด้วย ได้แก่ ชิลี และเปรู ส่งผลให้การค้ากับชิลีขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากความตกลงการค้าเสรี ไทย-ชิลี มีผลใช้บังคับเมื่อปลายปี 2558 ซึ่งชิลีและไทยได้ลดภาษีศุลกากรระหว่างกันเหลือ 0% ไปแล้ว 90% ของรายการสินค้าทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 10% จะทยอยลดภาษีเหลือ 0% ในปี 2563 และปี 2566 โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ การค้าระหว่างไทยกับชิลีมีมูลค่า 998 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 18.2% จากระยะเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออก 632.1 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 365.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่มูลค่าการส่งออกไปชิลีนั้นมีการใช้สิทธิส่งออกภายใต้ FTA ไทย-ชิลี (ม.ค.-ส.ค.) สูงถึง 545.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการใช้สิทธิเต็มจำนวนรายการสินค้าที่ได้รับสิทธิ ขณะที่นำเข้าโดยใช้สิทธิ 32.5 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 9.6% ของมูลค่าการนำเข้ารวม
ส่วนการค้ากับเปรู ไทยจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-เปรู และมีผลใช้บังคับเมื่อปลายปี 2554 ซึ่งไทยและเปรูได้มีการปรับลดอัตราภาษีศุลกากรเป็น 0% ไปแล้ว (Early Harvest) ราว 70% ของรายการสินค้าทั้งหมด โดยเปรูได้เปิดตลาดให้กับสินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ ยานยนต์บางรายการ อุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องจักรกล เป็นต้น ซึ่งจากการติดตามสถิติการค้าระหว่างไทยกับเปรูในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้พบว่า มีมูลค่า 348.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5.1% จากระยะเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออก 245 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 103.2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการส่งออกไปเปรูมีการใช้สิทธิส่งออกภายใต้ FTA ไทย-เปรู (ม.ค.-ส.ค.) 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 62% จากระยะเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นสัดส่วนการใช้สิทธิ 89.8% ขณะที่นำเข้าโดยใช้สิทธิ 17 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็น 18.8% ของมูลค่าการนำเข้ารวม
อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ระยะทางที่ห่างไกลและภาษาสเปนที่ชิลีและเปรูใช้ ทำให้ยังเป็นอุปสรรคในการค้าและการลงทุนของนักธุรกิจไทย ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรเร่งพัฒนาศักยภาพ พร้อมกับศึกษาข้อมูลตลาดและพฤติกรรมการอุปโภคบริโภคสินค้าของผู้บริโภคชิลีและเปรู เพื่อสามารถเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภคอันจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกันให้มากขึ้น อีกทั้งควรแสวงหาโอกาสและประโยชน์จากความตกลงเปิดตลาดการค้าเสรี ซึ่งผู้ประกอบการและผู้สนใจสามารถตรวจสอบข้อมูลอัตราภาษีภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ของไทยและของประเทศชิลีและเปรู รวมถึงประเทศคู่เจรจาอื่นๆ เพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ www.dtn.go.th หรือที่ http://tax.dtn.go.th
ทั้งนี้ ชิลีและเปรูเป็นคู่ค้าอันดับ 3 และ 4 ของไทยในภูมิภาคลาตินอเมริกา รองจากบราซิลและอาร์เจนตินา โดยสินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปชิลีและเปรู ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เครื่องซักผ้าและเครื่องซักแห้งฯ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบฯ และผลิตภัณฑ์ยาง สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากชิลีและเปรู ได้แก่ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ สัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปฯ ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ และปุ๋ย ยากำจัดศัตรูพืชและสัตว์ เป็นต้น