ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์ถัดไป (26-30 พ.ย.) ที่ 32.80-33.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยตลาดอาจรอติดตามผลการหารือนอกรอบการประชุม G20 ในประเด็นทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน, ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และผลการประชุมสุดยอดของผู้นำ EU ในประเด็นเรื่องข้อตกลง BREXIT
ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย., ยอดขายบ้านใหม่, รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคล และตัวเลขเงินเฟ้อที่วัดจาก PCE/Core PCE Price Indices, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนต.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ย., จีดีพีไตรมาส 3/2561 (Prelim) และบันทึกการประชุมเฟด ส่วนปัจจัยที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ข้อมูลเงินเฟ้อและจีดีพีของประเทศในฝั่งยุโรป และรายงานภาวะเศรษฐกิจการเงินเดือนต.ค.ของไทย
ทั้งนี้ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (19-23 พ.ย.) เงินบาทอ่อนค่าลงช่วงปลายสัปดาห์ โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นช่วงสั้นๆ ต้นสัปดาห์ท่ามกลางแรงขายเงินดอลลาร์ฯ จากมุมมองของเจ้าหน้าที่เฟดเกี่ยวกับแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งกระตุ้นให้ตลาดบางส่วนเริ่มประเมินแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ในปีหน้าอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ดี เงินบาทอ่อนค่าลงในช่วงต่อมา โดยมีปัจจัยลบจากข้อมูลจีดีพีไตรมาส 3 ของไทยที่เติบโตน้อยกว่าที่คาด ประกอบกับมีแรงกดดันเพิ่มเติมจากแรงเทขายสินทรัพย์เสี่ยงในภาพรวม เนื่องจากตลาดยังคงรอความชัดเจนของข้อตกลง BREXIT และประเด็นทางการค้าของสหรัฐฯ และจีน
โดยในวันศุกร์ (23 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.03 เทียบกับระดับ 32.94 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (16 พ.ย.)