นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต (ไม่รวมอาคารจอดแล้วจร) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ตาม พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 มาตรา 75 (5) ซึ่งใช้ข้อมูลทางการเงินของโครงการฯ ณ วันที่ 30 ก.ย.61 และข้อมูลประมาณการทางการเงิน ณ วันที่ 31 มี.ค.62 เป็นข้อมูลอ้างอิง เพื่อดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การมอบหมายให้ กทม. เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใน 2 ช่วงดังกล่าว
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงผู้รับผิดชอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตดังกล่าว จะทำให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นเอกภาพมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับกรณี รฟม. เป็นหน่วยงานบริหารจัดการ เนื่องจากปัจจุบัน กทม. เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการบริหารจัดการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-แบริ่ง โดยมี บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) เป็นผู้รับสัมปทานการเดินรถในเส้นทางดังกล่าว ทั้งนี้ เมื่อมีการจำหน่ายทรัพย์สินในครั้งนี้แล้ว กทม. จะรับผิดชอบโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตั้งแต่ช่วงคูคต-สมุทรปราการ รวมทั้งสิ้น 47 สถานี ระยะทาง 55.95 กิโลเมตร
"เจตนารมย์คือ เพื่อให้ กทม.สามารถบริหารจัดการการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้ง 2 ช่วงได้อย่างเป็นระบบ และข้อตกลงต่างๆ เช่น การโอนสิทธิ์ การโอนกรรมสิทธิ์ ภาระผูกพันของหน่วยงาน บุคคลอื่นๆ ค่าแรกเข้าระบบต่างๆ ก็ให้ กทม.เป็นผู้รับโอนทั้งสิ้น โดยจะมีการยกเว้นเพียง 1 เรื่อง คือ อาคารจอดแล้วจร (Park and Ride) ซึ่งในส่วนของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว จะมีพื้นที่จอดแล้วจร 3 แห่ง โดยกระทรวงคมนาคมได้ชี้แจงสาเหตุของการไม่โอนอาคารจอดแล้วจรให้ กทม. เนื่องจากปัจจุบัน รฟม. และกระทรวงคมนาคม ได้มีการบริหารพื้นที่จอดแล้วจร รวมทั้งหมด 11 แห่ง ดังนั้นจึงต้องการให้การบริหารจัดการเป็นไปในทิศทางเดียวกัน" นายพุทธิพงษ์ระบุ
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังรับทราบการกู้เงินเพื่อใช้ในการรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง การกู้เงินเพื่อใช้ในการรับโอนทรัพย์สิน และหนี้สินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ พ.ศ. 2561 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ รวมทั้งให้กรุงเทพมหานครดำเนินการอย่างโปร่งใส คุ้มค่าและประหยัด โดยพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์ ตามนัย พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
ทั้งนี้ การดำเนินการโอนทรัพย์สินและหนี้สิน จะทำให้กรุงเทพมหานครมีภาระค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 51,785.37 ล้านบาท (ประกอบด้วย ค่างานโครงสร้างพื้นฐาน วงเงินไม่เกิน 44,429 ล้านบาท และค่าชดใช้เงินค่าจัดกรรมสิทธิ์และดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียมเงินกู้ของค่างานโครงสร้างพื้นฐานที่สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณเพื่อชำระไปแล้ว วงเงินไม่เกิน 7,356.37 ล้านบาท)
อนึ่ง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ มีความพร้อมและจะเปิดให้บริการเดินรถ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2561 ส่วนช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน 2562
นายพุทธิพงษ์ กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เร่งให้ รฟม. ร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในการจัดหาที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในบริเวณใกล้เคียงกันแนวรถไฟฟ้าในทุกเส้น
"มีแนวคิดจะปรับ park and ride ทำให้พื้นที่ของอาคารดังกล่าวในด้านบน พัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสอยู่อาศัยใกล้แนวรถไฟฟ้า นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ รฟม. และกระทรวงคมนาคม ยังไม่ได้มอบพื้นที่ในส่วนของอาคารจอดแล้วจรให้แก่ กทม." นายพุทธิพงษ์กล่าว