นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คงคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 61 เติบโต 4-4.2% โดยคาดหวังว่าสัญญาณเศรษฐกิจในเดือน พ.ย.-ธ.ค.น่าจะกระเตื้องขึ้น พร้อมคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไตรมาส 4/61 จะเติบโตราว 3.5-4%
ทั้งนี้ มองว่าการที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ออกมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย รวมถึงจะมีมาตรการช็อปช่วยชาติและมาตรการดูแลราคายางพาราและปาล์มน่าจะมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจในระยะถัดไปดีขึ้นได้
"เรายังไม่ได้ปรับประมาณการตัวเลขใดๆ เพราะเราหวังว่าพฤศจิกายนและธันวาคมสัญญาณเศรษฐกิจน่าจะกระเตื้อง ต้องรอดูในเดือนพฤศจิกายนจะเป็นตัวยืนยันสัญญาณแนวโน้มเศรษฐกิจ ดังนั้นพื้นฐานในไตรมาส 4 ถ้าเติบโต 3.5-4% จึงจะดีได้และทั้งปีก็มีโอกาสเติบโต 4-4.2% ได้"นายธนวรรธน์ กล่าว
สำหรับทิศทางเศรษฐกิจไทยในปีนี้และปี 62 จะมีการยืนยันตัวเลขอีกครั้งหลังการประชุมหอการค้าทั่วประเทศซึ่งจะมีการสอบทานจากภาคธุรกิจในต่างจังหวัดว่าสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นอย่างไรและเศรษฐกิจจะมีแนวโน้มอย่างไร ซึ่งในเดือน ธ.ค.จะยืนยันตัวเลขและปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยอีกครั้ง
"ถ้าเศรษฐกิจไทยปีนี้โต 4% จะเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปีที่เศรษฐกิจไทยโตเกิน 4% เพราะฉะนั้นการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ควรจะต้องเกิน 4% ให้ได้เพราะจะเป็นภาพลักษณ์ในเชิงบวกสำหรับประเทศ แต่ถ้าโตต่ำกว่า 4% แสดงว่าประเทศไทยเศรษฐกิจไม่เคยโตเลย โตต่ำกว่า 4% ติดต่อกัน 6 ปี อีกทั้งเป้าหมายในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีไทยจะต้องโตให้ได้ 5% ดังนั้นการทำให้เศรษฐกิจปีนี้โต 4% และปีหน้าโต 4% กว่าๆจึงเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องทำ เพื่อจะทำให้ต่างชาติเชื่อมั่นในการมาลงทุนในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในพื้นที่ EEC หรือการลงทุน FDI"
สำหรับมาตรการช็อปช่วยชาตินั้น นายธนวรรธน์ กล่าวว่า มาตรการช็อปช่วยชาติ 2 ปีที่ผ่านมาเป็นการออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเติบโตไม่ถึง 4% โดยครอบคลุมสินค้าและบริการทั่วประเทศและเสร็จสิ้นภารกิจไปแล้ว แต่สถานการณ์ของปีนี้ช็อปช่วยชาติถูกหยิบขึ้นมาเป็นมาตรการเฉพาะกิจเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและนักท่องเที่ยวจีนลดลง ซึ่งเป็นปัจจัยนอกเหนือการคาดหมาย อีกทั้งเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 เติบโตต่ำกว่าคาดคือ 3.3%
"มาตรการนี้จึงเป็นมาตรการเฉพาะกิจเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยมีการขยายตัวที่ดี ฟื้นจากการชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 3 และเป็นการช่วยกลุ่มที่สำคัญ หรือกลุ่มที่เศรษฐกิจฟื้นตัวแต่ยังไม่กระจายโดยเฉพาะภาคการเกษตร สินค้า OTOP ยางพารา หมอนยางพารา ที่นอนยางพารา หนังสือเป็นการส่งเสริมการอ่าน กระดาษถือเป็นการกระจายเงินไปสู่ต่างจังหวัดแทนที่จะไปช็อปปิ้งที่ห้าง ซึ่งสอดคล้องกับที่รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองแล้วได้ลดหย่อนภาษีคือเพื่อกระจายเงินรายได้ไปสู่ต่างจังหวัดและท้องถิ่นมากขึ้น"นายธนวรรธน์ กล่าว