พล.ร.อ.โสภณ วัฒนมงคล รองผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานเปิดการประชุมชี้แจงแบบและลงพื้นที่สนามบินอู่ตะเภาในการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมือนการบินภาคตะวันออก ครั้งที่ 1 เพื่อเปิดเวทีให้ผู้ซื้อเอกสารได้ซักถามข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับการลงทุนและข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ โดยมีนักลงทุนที่สนใจซื้อซองข้อเสนอ ผู้บริหารสำนักงานคระกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ผู้แทนกระทรวงคมนาคม และสื่อมวลชนร่วมงานกว่า 150 คน
สำหรับขอบเขตของการลงทุนในโครงการฯ โดยแบ่งเป็นการออกแบบและก่อสร้าง ตลอดจนการให้บริการและการซ่อมบำรุงรักษา ทางวิ่ง (Runway) ทางขับ (Taxiway) และระบบที่เกี่ยวข้องในสนามบินอู่ตะเภาสำหรับการขึ้นลงและเคลื่อนตัวของอากาศยาน อาคารหอบังคับการบินแห่งที่ 2 (Air Traffic Control Tower) อาคารปฏิบัติการ อาคารสนับสนุน และระบบและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในสนามบินอู่ตะเภาสำหรับการควบคุมการจราจรทางอากาศ และงานหลักที่สนับสนุนการพัฒนาโครงการฯ เช่น อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 ศูนย์การขนส่งภาคพื้นดิน (Ground Transportation Centre: GTC) เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการจราจรสำหรับการให้บริการขนส่งสาธารณะไปสู่สนามบิน ศูนย์ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์ (Cargo Complex) เป็นต้น พื้นที่เขตประกอบการค้าเสรีและเขตธุรกิจเกี่ยวเนื่องในสนามบินอู่ตะเภา (Cargo Village or Free Trade Zone: FTZ) ศูนย์ธุรกิจการค้าเพื่อพัฒนาพื้นที่ในสนามบินอู่ตะเภา (Commercial Gateway) ระบบสาธารณูปโภคกลาง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำนักงานของกรมศุลกากร สำนักงานส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและอื่นๆ และงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่การบริการด้านการบิน (Non-aeronautical Services) และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง โดยมีระยะเวลาการร่วมลงทุน 50 ปี นับจากวันที่กำหนดให้เอกชนเริ่มการดำเนินโครงการฯ
ภายหลังการประชุมชี้แจงแบบแล้ว จึงพานักลงทุนที่สนใจและสื่อมวลชน ลงพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อให้เห็นพื้นที่จริง ในวันที่ 1 ธันวาคม 2561 เพื่อสร้างความเข้าใจและช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพการลงทุนที่ชัดเจนขึ้น ก่อนเปิดให้ยื่นข้อเสนอภายใน 28 ก.พ.62
พล.ร.อ.โสภร กล่าวว่า การเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในครั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนร่วมกันใช้แหล่งเงินทุน ความรู้ ความสามารถและความเชี่ยวชาญมาดำเนินงาน การออกแบบและก่อสร้าง การให้บริการและการบำรุงรักษาโครงการฯ ในการยกระดับสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินระดับโลก ซึ่งมีมาตรฐานระดับสูง ในด้านความปลอดภัย ความมั่นคง การให้บริการผู้โดยสาร และด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย รองรับการพัฒนาพื้นที่ภายในพื้นที่ EEC ให้เป็นเมืองการบินภาคตะวันออก (Eastern Airport City) ของประเทศไทย และพัฒนาให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ในระดับภูมิภาค