นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ร่วมเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจำหน่ายทรัพย์สินและโอนภาระทางการเงิน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ให้กรุงเทพมหานคร (กทม.)
การลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ดังกล่าว เป็นผลสืบเนื่องจากการดำเนินงานตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคม, รฟม. และ กทม.ว่าด้วยแนวทางการดำเนินงานตามมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2558 เรื่อง การมอบหมายให้ กทม. เป็นผู้บริหารจัดการเดินรถ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ซึ่งได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงฯ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2559 และจากการประสานความร่วมมือกันของทุกฝ่ายส่งผลให้กระทรวงคมนาคม, รฟม. และ กทม.สามารถบรรลุวัตถุประสงค์และนำมาสู่การลงนามบันทึกข้อตกลงฯ ในครั้งนี้ เพื่อให้ กทม.สามารถบริหารจัดการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ได้ในระหว่างที่กระบวนการโอนกรรมสิทธิ์ยังอยู่ในระหว่างดำเนินการ
สำหรับบันทึกข้อตกลงฯ ฉบับนี้จะมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการปฏิบัติตามเงื่อนไขและหน้าที่ระหว่าง รฟม. และ กทม. ได้แก่ การจำหน่ายทรัพย์สินและที่ดินของโครงการ การโอนภาระทางการเงินของโครงการ และภาระผูกพันกับหน่วยงานอื่นให้กับ กทม. นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงการยกเว้นค่าแรกเข้าระบบ หากผู้โดยสารเปลี่ยนถ่ายจากรถไฟฟ้าสายอื่นของ รฟม. ตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ รฟม.ได้เริ่มดำเนินงานก่อสร้างจนแล้วเสร็จในปี 2559 โดย รฟม. ได้มีการหารือร่วมกับ กทม.มาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับกระบวนการโอนหนี้สินและทรัพย์สินของโครงการฯ เพื่อให้เป็นไปตามมติ คจร.ในการบริหารจัดการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยสามารถเปิดให้บริการเดินรถได้ช่วง 1 สถานี จากสถานีแบริ่งไปยังสถานีสำโรง ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2560 และปัจจุบันมีความพร้อมในการเปิดเดินรถครบทุกสถานี โดยจะเปิดทดลองเดินรถ ตั้งแต่สถานีสำโรง ถึง สถานีเคหะฯ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2561 นับเป็นผลสำเร็จจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งยังสอดคล้องตามนโยบายของรัฐบาลในการเร่งรัดผลักดันโครงการให้มีความคืบหน้าและเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ของประชาชน
พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่ากทม. เปิดเผยว่า กทม.เตรียมเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในรูปแบบให้เอกชนร่วมลงทุน (PPP) ต่อคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) หลังจากนั้นจะเจรจากับ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ในฐานะผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งได้พูดคุยกันนอกรอบแล้ว โดยคาดว่าจะสรุปการเจรจาและเซ็นสัญญาก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีหน้า หรือราวกลางเดือน เม.ย.62
โดยเงื่อนไขสำคัญการเจรจาจะให้ BTSC เก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งเส้นทาง โดยรวมเส้นทางที่ได้รับสัมปทานเดิม เส้นทางที่รับจ้าง กทม.เดินรถ รวมทั้งส่วนต่อขยาย ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต รวมแล้วจะเก็บค่าโดยสารไม่เกิน 65 บาท/คน/เที่ยว ซึ่งจะเริ่มใช้อัตราค่าโดยสารใหม่ดังกล่าวในวันที่ 16 เม.ย.62
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า เงื่อนไขการเจรจายังมีเรื่องให้ BTSC รับภาระหนี้และดอกเบี้ยของ กทม.ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต จำนวนประมาณ 8 หมื่นล้านบาทด้วย พร้อมทั้งลงทุนระบบอาณัติสัญญาณอีกประมาณกว่า 2 หมื่นล้านบาท รวมเป็นเงินราว 1 แสนล้านบาท โดยกำหนดให้ BTSC จ่ายชำระภายใน 10 ปีแรกของสัญญาหรือภายในปี 2572 หลังจากนั้น กทม.กำหนดให้ BTSC จ่ายค่าตอบแทนในปีที่ 11 จนถึงสิ้นสุดสัญญา หรือจนถึงปี 2585 ดังนั้นจะมีสัญญา 2 ฉบับที่จะทำกับ BTSC
"ผมยื่นคำขาดไปว่าเก็บค่าโดยสารเกิน 65 บาทไม่ได้...กฎหมายใหม่ รัฐให้คุณร่วมทุน ฉะนั้นก็ต้องเก็บไม่เกินเท่านี้ และใช้หนี้ให้หมด และให้ค่าตอบแทนกับเราเท่าไร คุยกันนอกรอบกันไปแล้ว รับหลักการแล้ว เรื่องหนี้เขาก็ต้องรับไป แต่เรื่องจ่ายผลตอบแทนเท่าไร เราก็ยื่นข้อเสนอไปแล้ว คือผมเป็นคนพูดสั้นแต่เขาต้องทำตามนี้ เรื่องหนี้แสนล้านน่าจะโอเค ไม่ได้ก็ไม่ต้องมา"พล.ต.อ.อัศวิน กล่าว
สำหรับการเดินรถในส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ให้เปิดเดินรถฟรีไปก่อนในช่วงวันที่ 6 ธ.ค.61-15 เม.ย.62