มูดี้ส์คาดอุปสงค์ชะลอ-ศก.ซบเซากระทบตลาดรถยนต์สหรัฐต่อเนื่องในปีนี้

ข่าวต่างประเทศ Monday January 14, 2008 14:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นักวิเคราะห์จากบริษัทวิจัยด้านการเงินในเครือของ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส คาดการณ์ว่าบริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ 3 ราย ซึ่งได้แก่บริษัทเจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) บริษัทฟอร์ด มอเตอร์ และบริษัทเดมเลอร์ไครสเลอร์ เอจี จะยังคงเผชิญความยากลำบากในปี 2551 เพราะความต้องการรถยนต์มีแนวโน้มปรับตัวลดลง หลังจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงได้ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวในปี 2550
"บริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ระดับโลกจะเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในงานมอเตอร์โชว์ที่เมืองดีทรอยท์ในเร็วๆนี้ แต่คาดว่าบรรยากาศในงานจะซบเซาเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่เป็นลบในตลาด มีข้อมูลบ่งชี้ว่าความต้องการรถยนต์ในสหรัฐจะลดลงในปี 2551 เราคาดว่ายอดจัดส่งรถยนต์จะมีอยู่ทั้งสิ้น แต่ตัวเลขอาจลดต่ำลงซึ่งก็จะขึ้นอยู่ภับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ" บรูซ คล้าก นักวิเคราะห์จากบริษัทด้านการเงินในเครือของมูดี้ส์กล่าว
ข้อมูลจากออโต้ดาต้าบ่งชี้ว่า ก่อนหน้านี้ จีเอ็ม ฟอร์ด และเดมเลอร์ ไครสเลอร์ ครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์โลกสูงถึง 95% แต่ต่อมาส่วนแบ่งตลาดปรับตัวลดลงกว่าครึ่งหนึ่ง เนื่องจากบริษัทผลิตรถยนต์ในเอเชียยึดส่วนแบ่งตลาดไว้ได้ 47% โดยมีบริษัทญี่ปุ่นเป็นหัวหอก
รายงานระบุว่า บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ของญี่ปุ่นผงาดขึ้นแซงหน้าบริษัทฟอร์ด มอร์เตอร์ ในฐานะบริษัทที่ทำยอดขายรถยนต์สูงสุดเป็นอันดับ 2 ในสหรัฐได้ในปี 2550 รองจากจีเอ็ม ส่งผลให้ฟอร์ดหล่นลงมาอยู่อันดับ 3 และเดมเลอร์ ไครสเลอร์ อยู่ที่อันดับ 4
ขณะที่บริษัทรถยนต์สัญชาติยุโรปมีส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐเพียง 7% แต่สามารถทำยอดขายรถยนต์รุ่นหรูหราได้จำนวนมาก
อย่างไรก็ดี การที่จีเอ็มปรับโครงสร้างองค์กรในปี 2548 และหลังจากนั้นไม่นานฟอร์ดและไครสเลอร์ได้ปรับโครงสร้างตามนั้น ช่วยให้บริษัทเหล่านี้สามารถแข่งขันกับบริษัทรถยนต์จีนได้เพื่อพิจารณาในเชิงคุณภาพและปริมาณ
ในปี 2550 จีเอ็มสามารถบรรลุเป้าหมายของบริษัทด้วยสร้างสถานะในตลาดให้มีเสถียรภาพขึ้น ขณะที่ฟอร์ดสามารถลดต้นทุนได้หลังจากต้องขาดทุนอย่างหนักถึง 1.26 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2549
"ไครสเลอร์เน้นรุกตลาดในอเมริกาเหนือ ขณะที่จีเอ็มและฟอร์ดเน้นรุกตลาดเกิดใหม่อย่างจีน อินเดีย บราซิล และรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นและเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัวลงอาจส่งผลกระบต่อยอดขายของบริษัทเหล่านี้" คล้ากกล่าว
ทั้งนี้ วาณิชธนกิจโกลด์แมน แซคส์ ประกาศลดคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในปี 2551 ลงสู่ระดับ 15 ล้านคัน จากปี 2550 ที่ระดับ 16.3 ล้านคัน ขณะที่สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) คาดการณ์ยอดขายรถยนต์ในอเมริกาเหนือจะร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปีในปีนี้ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ