SCB EIC ปรับคาดการณ์ GDP ปี 62 เหลือโต 3.9%ชะลอลงจากปีนี้ที่คาดโต 4.2% จากความไม่แน่นอนสงครามการค้า-ตลาดการเงินผันผวน

ข่าวเศรษฐกิจ Friday December 7, 2018 14:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 62 มีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องประมาณ 3.9% ซึ่งแม้จะชะลอลงจากปี 2561 ที่ประเมินว่าจะเติบโตราว 4.2%

" แต่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีและสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 5 ปีก่อน (ปี 56-60) ที่ประมาณ 2.8% ต่อปี" SCB EIC ระบุ

ภายใต้แนวโน้มของการเติบโตดังกล่าว นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด Economic Intelligence Center ของ SCB กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายจากปัจจยัภายนอกที่สำคัญ ได้แก่ สงครามการค้าโลกโดยเฉพาะระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่เริ่มส่งผลกระทบต่อภาวะการค้าโลกและการส่งออกไทยในบางรายการแล้ว แม้ล่าสุด สหรัฐฯ จะตกลงเลื่อนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเพิ่มเติมสำหรับสินค้าจากจีนออกไป แต่เป็นเพียงการสงบศึกชั่วคราว ทั้งนี้ การยุติสงครามการค้าอย่างแท้จริงซึ่งรวมถึงการยกเลิกภาษีที่ขึ้นไปแล้ว จะขึ้นกับการเจรจาในประเด็นต่างๆที่ค่อนข้างท้าทาย โดยเฉพาะประเด็นสินค้าเทคโนโลยีและการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา จึงยังมีความไม่แน่นอนอยู่สูงและมีโอกาสที่สงครามการค้าจะกลับมาทวีความรุนแรงขึ้นได้อีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศมากขึ้น

นอกจากนี้ ในปีหน้าภาวะการเงินโลกยังคงมีแนวโน้มที่จะตึงตัวขึ้น ตามแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาในการปรับตัวของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (emerging markets) ที่มีความเปราะบางสูง และอาจสร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินโลกเป็นระยะ

แม้ประเด็นนี้น่าจะไม่ได้กระทบโดยตรงกับไทยมากนักจากเสถียรภาพด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่ง แต่ก็มีโอกาสได้รับผลทางอ้อมจากภาวะความผันผวนในตลาดการเงิน รวมถึงการส่งออกที่อาจชะลอตัวเพิ่มเติมจากกำลังซื้อที่ลดลงของประเทศคู่ค้าที่ได้รับผลกระทบ

สำหรับปัจจัยในประเทศยังคงมีหลายประเด็นที่ต้องอาศัยความรอบคอบในการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนที่ยังไม่กระจายตัวมากนัก โดยค่อนข้างกระจุกตัวในการใช้จ่ายของกลุ่มผู้มีรายได้ค่อนข้างสูง ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ และยังมีภาระหนี้ครัวเรือนสูง ซึ่งต้องใช้เวลาเพิ่มเติมในการปรับตัวของครัวเรือน รวมถึงแนวทางการยกระดับทักษะแรงงานเพื่อเพิ่มรายได้แก่ครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง สำหรับภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่มีการกู้ยืมในสัดส่วนสูง อาจมีความท้าทายเรื่องการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินที่จะเปลี่ยนไปตามแนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้น

รวมถึงแนวโน้มวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่คาดว่าจะเริ่มเข้าสู่ช่วงขาขึ้น โดย SCB EIC ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายประมาณ 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ภายในปีหน้า ซึ่งถือว่าเป็นการปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปเทียบกับวัฎจักรดอกเบี้ยขาขึ้นในอดีต เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)อาจจะผสมผสานการขึ้นดอกเบี้ยกับการใช้มาตรการดูแลเสถียรภาพการเงินเฉพาะจุดเพิ่มเติม เพื่อลดความเสี่ยงของเสถียรภาพระบบการเงินจากภาวะดอกเบี้ยในระดับต่ำยาวนาน

ทั้งนี้ ความท้าทายในภาพรวมถือว่าเป็นความเสี่ยงที่อยู่ในระดับบริหารจดัการได้สำหรับเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของไทย เสถียรภาพเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและเครื่องมือนโยบายเศรษฐกิจของภาครัฐที่เพียงพอจะช่วยลดผลกระทบและเป็นตัวกันชนต่อปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ หากภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจสามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสมก็จะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันพร้อมกับใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจไทยที่ยังขยายตัวได้ในเกณฑ์ดีในปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ