พาณิชย์ ยังมั่นใจส่งออกไทยปีหน้าโต 8% แม้เอกชนประเมินโต 5-7%

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 11, 2018 16:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่า สถานการณ์การส่งออกของไทยในปี 62 จะยังเติบโตได้ในระดับ 8% ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ได้จากการประชุมร่วมกันระหว่างทูตพาณิชย์เมื่อเดือน ต.ค.61 ที่ผ่านมา ขณะที่ภาคเอกชนประเมินว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ 5% ในเบื้องต้น

ทั้งนี้ หากเฉลี่ยการเติบโตในรายตลาดส่งออกแล้วก็มีความเป็นไปได้ และจะพบว่าหลายตลาดยังมีความน่าสนใจ มีโอกาสที่กระทรวงพาณิชย์จะเข้าไปขยายตลาดสินค้าและบริการได้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในเอเชีย เช่น จีน ฮ่องกง ตลอดจนเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เป็นต้น

"ตลาดเหล่านี้มีความน่าสนใจ และคิดว่าเราจะไปบุกตลาดให้มากขึ้น ทำกิจกรรมให้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดในเอเชีย เช่น ตลาดจีนที่ยังมีอีกหลายเมืองหลายมณฑล, ตลาดฮ่องกง, ตลาดเอเชียใต้ ซึ่งอินเดียก็เป็นอีกตลาดที่น่าสนใจและขยายตัวได้เร็วมาก รวมทั้งตลาดตะวันออกกลาง และแอฟริกา" อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าว

พร้อมระบุว่า กระทรวงพาณิชย์มองว่าในปีหน้ายังมีกลุ่มสินค้าที่น่าสนใจ และมีโอกาสที่จะขยายตลาดได้มากขึ้น เนื่องจากในระยะ 2-3 ปีนี้มีตัวเลขการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด เช่น กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง, เครื่องสำอางสมุนไพร, ผัก-ผลไม้สดและแปรรูป และข้าวชนิดพิเศษ เป็นต้น ประกอบกับกระทรวงพาณิชย์ได้เล็งเห็นช่องทางการเติบโตจากการจำหน่ายสินค้าผ่านทางออนไลน์ ซึ่งจะเป็นจุดที่ช่วยเสริมให้สินค้าไทยสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรงมากขึ้น ขณะเดียวกันจะใช้เครือข่ายผู้นำเข้าในประเทศต่างๆ เข้ามาช่วยในการเจาะตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ด้วย

สำหรับปัจจัยเสี่ยงต่อการส่งออกของไทยในปีหน้านั้น เรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเนื่องไปในปีหน้า นอกจากนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวม ซึ่งคาดว่าในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้าจะมองเห็นภาพที่ชัดเจนกว่านี้

อย่างไรก็ดี จากที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินเป้าหมายการส่งออกปี 62 ไว้ที่ 8% นั้น ได้รวมผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากสงครามการค้าไว้ด้วยแล้ว

"ที่เรามอง 8% ในปีหน้า เราได้พยายามมองซีนาริโอที่แย่ที่สุดไว้แล้ว เราจึงประเมินตัวเลขออกมา แต่มาตรการที่เราพยายามจะใส่เสริมเข้าไป หรือหาช่องทางที่จะได้รับโอกาสจากผลกระทบของ 2 ประเทศนี้ เราก็มองอยู่ตลอด และเริ่มดึงการลงทุนจากบางประเทศที่อยากจะย้ายฐานมาที่ไทย ซึ่งกรณี EEC ก็มีส่วนช่วยได้มาก" น.ส.บรรจงจิตต์กล่าว

อย่างไรก็ดี สำหรับการส่งออกในปี 61 ยังเชื่อว่าจะสามารถเติบโตได้ 8% ตามเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์วางไว้อย่างแน่นอน เนื่องจากเท่าที่ได้พิจารณาสถานการณ์การส่งออกของไทยในช่วง 10-11 เดือนของปีนี้ พบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการค้าระหว่างประเทศได้เริ่มคลี่คลายลงไปบ้าง โดยเฉพาะกรณีที่สหรัฐฯ ชะลอการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนออกไปอีก 90 วัน ซึ่งแม้จะเป็นสถานการณ์ชั่วคราว แต่ก็ช่วยส่งผลทางจิตวิทยาในเชิงบวกต่อการส่งออกไทยในปีนี้ได้

"จากตัวเลขช่วง 10-11 เดือน เรามั่นใจว่าปีนี้ 8% ทำได้แน่นอน และภาวะที่เป็นเรื่องอ่อนไหวต่างๆ ก็คลี่คลายดีขึ้น แม้จะเป็นลักษณะชั่วคราวก็ตาม แต่ก็ส่งผลเชิงจิตวิทยาให้ตัวเลขส่งออกปีนี้น่าจะโต 8% ได้" อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ระบุ

ด้านนายสนั่น อังอุบลกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนได้มีการประเมินร่วมกันแล้ว โดยคาดว่าการส่งออกไทยในปีหน้าจะเติบโตในระดับ 5-7% โดยภาพรวมการส่งออกสินค้ากลุ่มเกษตร คาดว่าจะเติบโตได้ 3-4% โดยเฉพาะสินค้าข้าวที่แนวโน้มการส่งออกยังน่าจะเติบโตได้ดี ขณะที่ยางพาราปีหน้า คาดว่าการส่งออกจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ราว 5% ส่วนภาพรวมการส่งออกสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรม น่าจะเติบโตได้ 6-8% โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่มีทิศทางที่สดใส ตลอดจนน้ำมันสำเร็จรูปที่ส่งออกไปกลุ่มประเทศ CLMV แต่จะมีบางสินค้าที่น่าเป็นห่วงบ้าง เช่น อัญมณี, ทองคำที่มีความผันผวนจากราคาตลาดโลก และสินค้าน้ำตาลทราย เป็นต้น

"ภาคเอกชนได้พูดคุยกัน และหาตัวเลขกันออกมา ซึ่งภาคเกษตร คาดว่าจะโตได้ 3-4% ส่วนภาคอุตสาหกรรม คาดว่าจะโตได้ 6-8% รวมๆ แล้วคิดว่าปีหน้าจะโตได้ 5-7% เราชื่นชมที่รัฐบาลมี working traget ว่าจะต้องทำได้ 8% ซึ่งจะเห็นได้ว่า 2 ปีที่ผ่านมา ยอดส่งออกโตแบบ amazing ชื่นชมภาครัฐที่ให้การสนับสนุนกับภาคเอกชนอย่างมาก" นายสนั่นกล่าว

สำหรับสิ่งที่ภาคเอกชนมีความกังวลและมองว่าจะมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในปีหน้า คือ ความผันผวนของราคาน้ำมันในตลาดโลก, อัตราแลกเปลี่ยน ที่ไทยยังเสียเปรียบประเทศคู่แข่ง โดยมองว่าอัตราแลกเปลี่ยนในระดับที่เหมาะสมต่อการส่งออกไทยในปีหน้า ควรจะอยู่ที่ระดับ 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

ส่วนกรณีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนนั้น เชื่อว่ามีผลกระทบด้านลบต่อไทยไม่มาก เพราะผู้ประกอบการอุตสาหกรรมหลายประเทศที่ลงทุนในจีน หรือแม้แต่นักลงทุนของจีนเองเริ่มใช้โอกาสนี้ในการขยายฐานการผลิตออกไปยังประเทศอื่นๆ เช่น เวียดนาม รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งในจุดนี้จะเป็นโอกาสดีที่ทำให้ฐานการผลิตสินค้าของไทยมีความหลากหลายมากขึ้น และสามารถส่งสินค้าไปในหลายตลาดได้มากขึ้นเช่นกัน

"วันนี้ เราจะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับภาครัฐ ตัวเลข 8% สำหรับปีหน้า ทูตพาณิชย์ได้ทำการบ้านมาแล้วเป็น area base ส่วนเอกชนก็ไปดูอีกทีว่า sector base ใกล้เคียงหรือไม่ ซึ่งก็สอดคล้องกัน ดังนั้นเป้าหมายส่งออกปีหน้า ไม่น่าจะเป็นห่วง" รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ