นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และ น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ในงานสัมมนา "สูตรสำเร็จจากธุรกิจ SMEs สู่การค้าระหว่างประเทศ" โดย EXIM BANK และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะบูรณาการข้อมูลเพื่อให้ความรู้ความเข้าใจเชิงลึกด้านการค้าการลงทุนระหว่างประเทศแก่ผู้ประกอบการไทย และกลุ่มผู้ประกอบการ Startup
รวมทั้งให้การสนับสนุนด้านบริการและเครื่องมือทางการเงิน ที่จะเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจได้อย่างมั่นใจและประสบความสำเร็จ เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยใช้ความสามารถด้านนวัตกรรมผนวกกับการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศในโลกการค้ายุคใหม่ เพิ่มมูลค่าทางธุรกิจและขับเคลื่อนการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศ
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า EXIM BANK และกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีความร่วมมือด้านการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างประเทศของผู้ประกอบการไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ความเชี่ยวชาญขององค์กรเสริมสร้างองค์ความรู้และเครื่องมือทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการไทยพร้อมแข่งขันในตลาดโลก ซึ่งปัจจุบันทิศทางเศรษฐกิจและรูปแบบการค้าการลงทุนของโลกได้เปลี่ยนแปลงไป ธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) เข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้น
ในปี 2560 E-Commerce ได้สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนทั่วโลกราว 2.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวจากปีก่อนหน้าถึง 24.8% EXIM BANK จึงได้พัฒนา e-Trading Platform เชื่อมต่อระบบธนาคารกับการค้าออนไลน์ของโลก ทำให้สามารถให้บริการสินเชื่อและประกันการส่งออกแก่ผู้ประกอบการไทยที่ค้าขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้ เป็นไปตามยุทธศาสตร์ของ EXIM BANK ในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศด้วยช่องทางการค้าออนไลน์อย่างครบวงจร ขณะที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้พัฒนาช่องทางการค้าออนไลน์ภายใต้เว็บไซต์ Thaitrade.com เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศและการลงทุนในต่างประเทศแก่ผู้ประกอบการไทย
"ในโลกการค้ายุคใหม่ ผู้ประกอบการไทยต้องแข่งขันได้ด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี ประกอบกับข้อมูลข่าวสารที่รู้ทันโลกการค้ายุคใหม่ ตลอดจนมีเครื่องมือทางการเงินที่จะเริ่มต้นหรือขยายกิจการในตลาดการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ สามารถก้าวสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคตในโลกดิจิทัลได้อย่างมั่นใจและประสบความสำเร็จในระยะยาว" นายพิศิษฐ์กล่าว
ด้าน น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้ตั้งเป้าหมายให้สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายในกรม ดำเนินการพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้เป็นผู้ส่งออกผ่านหลักสูตรการพัฒนาของ NEA ในปีงบประมาณ 62 (เดือนต.ค.61-ก.ย.62) ให้ได้ทั้งหมด 250,000 ราย เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับปี 61 ที่สามารถพัฒนาผู้ประกอบการได้ทั้งหมด 204,000 ราย ผ่านการฝึกอบรม 120 กิจกรรม หรือเกินกว่าเป้าหมายที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กำหนดให้พัฒนาผู้ประกอบการให้เป็นผู้ส่งออกทั้งหมด 200,000 ราย
"ในปีงบประมาณ 62 จะมีการพัฒนาผู้ประกอบการผ่าน 130 กิจกรรม โดยมี 30 กิจกรมที่จะลงไปยังต่างจังหวัด ซึ่งเป็นกลุ่มฐานราก รวมถึงจะพัฒนาผู้ประกอบการท้องถิ่นให้เป็นผู้ส่งออกด้วย เชื่อว่าจะได้ตามเป้าหมายที่กำหนด เพราะในช่วงไตรมาส 1 (เดือนต.ค.-ธ.ค.61) ของปีงบประมาณ สามารถผลักดันให้ผู้ประกอบการที่ผ่านการพัฒนาเป็นผู้ส่งออกได้แล้ว 3,000 ราย สร้างรายได้เข้าประเทศประมาณ 50,000 ล้านบาท" น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าว
ทั้งนี้ นอกเหนือจากการผลักดันให้ NEA พัฒนาผู้ประกอบการไทย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (SMEs) แล้ว กรมยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยร่วมกับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เพื่อสานต่อความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนศักยภาพ SMEs ให้พร้อมก้าวสู่เวทีการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการลงนามดังกล่าว จะขยายขอบเขตความร่วมมือด้านสำคัญ เช่น การประชาสัมพันธ์กิจกรรมและการให้บริการของทั้งสองหน่วยงาน การบูรณาการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลในด้านการค้าและการลงทุนที่เป็นประโยชน์ระหว่างกัน การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการให้บริการทางเงิน การสนับสนุนพัฒนาองค์ความรู้และความเข้าใจเชิงลึกด้านการค้าและการลงทุนในต่างประเทศ และการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศด้วยช่องทางการค้าออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการไทยในทุกระดับรวมทั้งผู้ประกอบการในกลุ่มสตาร์ทอัพ
"กรมฯ และเอ็กซิมแบงก์ตกลงจะทำงานร่วมกัน โดยหากมีงานแสดงสินค้า หรืองานในการผลักดันผู้ประกอบการของกรมแล้ว เอ็กซิมแบงก์จะเข้าทุกงาน เพื่อเป็นช่องทางในการปล่อยสินเชื่อให้รายย่อย และยังสนับสนุนการประกันความเสี่ยงให้กับผู้ส่งออกรายย่อยด้วย" น.ส.บรรจงจิตต์ กล่าว