"บุช"ถือโอกาสหารือกษัตริย์ซาอุดิอาระเบียกรณีราคาน้ำมันแพงกระทบศก.สหรัฐ

ข่าวต่างประเทศ Tuesday January 15, 2008 15:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวที่สถานทูตสหรัฐประจำซาอุดิอาระเบียในวันนี้ว่า เขาได้หารือกับกษัตริย์ซาอุดิอาระเบียว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นในขณะนี้กำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
"เศรษฐกิจของเรากำลังได้รับผลกระทบ ผมได้แต่คาดหวังว่ากลุ่มโอเปคจะเข้าใจว่าหากสหรัฐซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของโอเปคได้รับผลกระทบ ซึ่งหมายความว่าสหรัฐจะซื้อน้ำมันน้อยลง และโอเปคก็จะขายน้ำมันได้น้อยลงเช่นกัน" บุชกล่าวกับผู้สื่อข่าวก่อนที่จะเข้าประชุมร่วมกับนักธุรกิจในซาอุดิอาระเบีย
ในโอกาสนี้บุชได้อธิบายให้เจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบียเข้าใจถึงเหตุผลที่สหรัฐต้องเข้มงวดในการออกวีซ่าให้ชาวซาอุดิอาระเบีย หลังจากเกิดเหตุวินาศกรรมตึกเวิล์ดเทรดเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2544
"ผมเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาได้ประโยชน์จากการที่มีนักศึกษาต่างชาติเข้าไปเรียนในสหรัฐและมีทัศนคติที่ดีในแผ่นดินสหรัฐ" บุชกล่าว
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ซาอุดิอาระเบียมีแหล่งน้ำมันสำรองมากที่สุดในโลก และการที่ต้นทุนเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้นได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเมื่อไม่นานมานี้ ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลและราคาน้ำมันเบนซินทะยานขึ้นเหนือระดับ 3 ดอลลาร์ต่อแกลลอนในสหรัฐ ซึ่งต้นทุนพลังงานทั้ง 2 ชนิดที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ประชาชนเหลือเงินไปจับจ่ายใช้สอยในด้านอื่นๆน้อยลง
ผลผลิตน้ำมันจากกลุ่มประเทศโอเปคคิดเป็นสัดส่วน 40% ของความต้องการน้ำมันทั่วโลก และโดยปกติแล้วประเทศอื่นๆในกลุ่มโอเปคจะมีท่าทีคล้อยตามความคิดเห็นของซาอุดิอาระเบียทุกครั้งที่มีการประชุมเพื่อหารือกันว่าจะปรับเพิ่มผลผลิตหรือไม่ เนื่องจากซาอุดิอาระเบียเป็นสมาชิกที่มีอิทธิพลที่สุดในกลุ่มโอเปค โดยสามารถผลิตน้ำมันได้เกือบ 1 ใน 3 ของโดยผลิตโดยรวมในกลุ่มโอเปค

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ