ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยตลอดทั้งปี 2561 ขยายตัวได้ราว 7.0% YoY ชะลอลงจากปี 2560 ที่อยู่ที่ 9.9% YoY หลังช่วง 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.61) ขยายตัว 7.29% YoY ชะลอลงจากช่วง 10 เดือนแรกที่อยู่ที่ 8.19% YoY
โดยในเดือนพ.ย.61 มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยในเดือนพ.ย. 2561 อยู่ที่ 21,237.2 ล้านดอลลาร์ฯ ติดลบ 0.95% YoY โดยหลักๆ แล้ว เป็นผลมาจากการหดตัวของการส่งออกสินค้าศักยภาพของไทย ไม่ว่าจะเป็นข้าว (หดตัว 22.4% YoY) ยางพารา (หดตัว 25.0% YoY) น้ำตาลทราย (หดตัว 32.0% YoY) รถยนต์นั่ง (หดตัว 26.9% YoY) รวมไปถึงสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ (หดตัว 9.5% YoY)
การส่งออกสินค้าของไทยที่ติดลบในเดือนพ.ย. 2561 นั้นเป็นไปตามทิศทางการค้าในภูมิภาคที่ผ่อนแรงลงมากกว่าการคาดการณ์ของ Consensus ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกสินค้าของจีน ญี่ปุ่น ไต้หวัน รวมไปถึงอินโดนีเซีย ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทำให้แต่ละประเทศมีการเร่งนำเข้า-ส่งออก (Front-loading) ไปในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อเร่งผลิตสินค้าและส่งออกให้ทันก่อนช่วงเทศกาลปลายปี (Thanksgiving-คริสต์มาส-วันปีใหม่) และก่อนที่สหรัฐฯ จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน (รอบ 200,000 ล้านดอลลาร์ฯ) จาก 10% มาเป็น 25% ในวันที่ 1 ม.ค. 2562
อย่างไรก็ตาม การเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนรอบล่าสุด (เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2561) ได้ข้อสรุปออกมาว่า ทั้งสองประเทศจะระงับการเก็บภาษีสินค้านำเข้าเพิ่มเติมเป็นระยะเวลา 90 วัน (จนถึง 1 มี.ค. 2562) เพื่อเปิดทางไปสู่การเจรจาในรายละเอียดเพื่อยุติประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างกัน
ทั้งนี้ การที่สหรัฐฯ ยืดระยะเวลาการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนจาก 10% ไปเป็น 25% ออกไปอีก 60 วัน (จากวันที่ 1 ม.ค. 2562 ไปเป็นวันที่ 1 มี.ค. 2562) ก็น่าจะทำให้บรรยากาศความตึงเครียดของการค้าโลกในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2561 ผ่อนคลายลงบ้าง ซึ่งจะช่วยให้การค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคกลับมาขยายตัวได้ในช่วงเดือนธ.ค. 2561 แต่แม้ว่าในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2561 บรรยากาศความตึงเครียดของการค้าโลกจะคลี่คลายลงในระดับหนึ่ง แต่เดือน ธ.ค.เป็นเดือนแห่งเทศกาลที่มีวันทำงานน้อยกว่าเดือนอื่นๆ ของปี ซึ่งน่าจะทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยผ่อนแรงลงจากช่วงเดือนก่อนหน้ามาอยู่ในช่วงประมาณ 20,000-21,000 ล้านดอลลาร์ฯ ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกสินค้าไทยตลอดทั้งปี 2561 ขยายตัวได้ราว 7.0% จากก่อนหน้าที่คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2561 จะเติบโตได้ใกล้เคียง 8%
ขณะที่ในปี 2562 คาดว่าภาพการส่งออกสินค้าของไทยในปี 2562 จะอยู่ที่ 4.5% หรือคิดเป็นมูลค่าส่งออกเฉลี่ยประมาณ 22,000 ล้านดอลลาร์ฯ ต่อเดือน (กรอบประมาณการที่ 2.0-6.0%) ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากปี 2561 ซึ่งเป็นผลของฐานที่สูงในปีก่อน การชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก ทิศทางราคาน้ำมันดิบโลกที่คาดว่าจะเคลื่อนไหวในระดับที่ต่ำกว่าปี ก่อน รวมไปถึงผลของประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่คาดว่าจะกระทบต่อการส่งออกของไทย
โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนไม่น่าจะสามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ภายในระยะเวลา 90 วัน เนื่องจากมีรายละเอียดที่ค่อนข้างจะซับซ้อน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวกับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้สหรัฐฯ จะยังคงปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน (รอบ 200,000 ล้านดอลลาร์ฯ) จากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ในวันที่ 1 มี.ค. 2562 แต่ก็คงจะไม่มีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน มูลค่า 267,000 ล้านดอลลาร์ฯ เพิ่มเติม ทั้งนี้ การปรับขึ้นภาษีในรอบนี้จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยประมาณ 3,100 ล้านดอลลาร์ฯ หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.6% ของจีดีพีประเทศ
นอกจากประเด็นเรื่องสงครามทางการค้าที่ยืดเยื้อแล้ว การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2562 จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่กระทบต่อการส่งออกสินค้าไทยในปีหน้า โดยมีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2562 จะชะลอลงมาที่ 6.2% ซึ่งเป็นผลของการปรับโครงสร้างประเทศ (Structural Reform) และผลจากข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ