ซิตี้กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขยอดขาดทุนโดยรวมของธนาคารในไตรมาส 4 มีมูลค่ากว่า 9.83 พันล้านดอลลาร์ อันเป็นผลจากการขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองให้แก่ลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์ม) และหนี้ที่มีความเสี่ยงอื่นๆ และเป็นเหตุให้ซิตี้กรุ๊ปต้องตั้งสำรองหนี้สูญมูลค่า 1.81 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ นับเป็นการขาดทุนครั้งแรกตั้งแต่มีการก่อตั้งธนาคารในปี 2541
ส่วนในไตรมาส 4 ของปี 2549 ธนาคารมีผลกำไรสุทธิ 5.13 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.03 ดอลลาร์ต่อหุ้น และในไตรมาส 3 ทางธนาคารขาดทุนจากธุรกิจซับไพร์มกว่า 6.5 พันล้านดอลลาร์
จนถึงปัจจุบัน ซิตี้กรุ๊ปขาดทุนจากธุรกิจซับไพร์มทั้งหมด 2.4 หมื่นล้านดอลลาร์ มากที่สุดในบรรดาสถาบันการเงินทั่วโลก
ด้วยเหตุนี้ทางธนาคารจึงเตรียมระดมทุน 1.25 หมื่นล้านดอลลาร์จาก Government of Singapore Investment Corp ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนของสิงคโปร์, Kuwait Investment Authority ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านการลงทุนของคูเวต และจากเจ้าชายอัลวาลีด์ บิน ทาลาล บิน อับดุลอาซิส อัลซาด ของซาอุดิอารเบีย ซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ รวมถึงจากนักลงทุนรายย่อยอีกหลายราย
"ผลประกอบการในไตรมาสนี้ไม่สามารถยอมรับได้" วิกรม บัณฑิต ซีอีโอคนใหม่ของซิตี้กรุ๊ป กล่าวในแถลงการณ์ "ผลประกอบการณ์อันย่ำแย่เกิดจากสองเหตุผลหลัก ได้แก่ การขาดทุนมหาศาลจากธุรกิจซับไพร์ม และเงินปล่อยกู้ผู้บริโภคในสหรัฐที่เพิ่มมากขึ้น" สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--