นักวิเคราะห์ของดอยช์แบงค์ ประกาศลดอันดับเครดิตของเจพีมอร์แกน เชสแอนด์โค พร้อมกับปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ "hold" จากเดิมที่ระดับ "buy" ก่อนที่เจพีมอร์แกนจะเปิดเผยผลประกอบการในวันนี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการธนาคารของสหรัฐ
"เราคาดว่าเจพีมอร์แกนคงจะไม่สามารถรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ในอุตสาหกรรมการธนาคารได้" นายไมค์ มาโย นักวิเคราะห์ของดอยช์แบงค์กล่าว
ความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของเจพีมอร์แกน ได้ฉุดหุ้นเจพีมอร์แกนร่วงลง เมื่อคืนนี้ด้วย
นายมาโยกล่าวว่า แม้สถานะของเจพีมอร์แกนดูดีกว่าสถาบันการเงินอื่นๆในสหรัฐ เนื่องจากมีการขาดทุนในตราสารหนี้ CDO ในระดับปานกลาง แต่กิจการของเจพีมอร์แกนยังคงเปราะบางและถูกกดดันจากภาวะซบเซาของเศรษฐกิจระดับมหภาค
ทั้งนี้ หลังจากที่ซิตี้กรุ๊ปเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในตลาดซับไพรม์ช่วงไตรมาส 4 มูลค่า 9.83 พันล้านดอลลาร์เมื่อคืนนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของเจพีมอร์แกนและสถาบันการเงินอื่นๆด้วย
"เราคาดว่านักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทประเมินผลประกอบการของเจพีมอร์แกนสูงเกินไป โดยนักวิเคราะห์ในโพลล์ธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดการณ์ว่า ผลประกอบการตลอดปี 2551 ของเจพีมอร์แกนจะอยู่ที่ 4.56 ดอลลาร์ต่อหุ้น" นายมาโยกล่าว
แต่นายมาโยได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2551 ของเจพีมอร์แกนลงเหลือ 3.80 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากเดิมที่ระดับ 4.35 ดอลลาร์ต่อหุ้น และส่วนในปี 2552 คาดว่า ผลประกอบการจะอยู่ที่ 4.20 ดอลลาร์ต่อหุ้น ลดลงจากระดับ 4.90 ดอลลารร์ต่อหุ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--