พาณิชย์ออกกฎเหล็กคุมเข้มนำเข้ามะพร้าวป้องกันปัญหาราคาผลผลิตในประเทศตกต่ำ

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวร้องเรียนว่ามีผู้นำเข้ามะพร้าวบางรายได้นำมะพร้าวที่นำเข้าไปจำหน่าย จ่าย โอน และมีการกะเทาะภายนอกโรงงานของตนเอง ทำให้มีมะพร้าวนำเข้ารั่วไหลเข้ามาจำหน่ายในประเทศส่งผลให้ราคามะพร้าวภายในประเทศตกต่ำ กรมฯ จึงได้เร่งแก้ปัญหา โดยได้ออกประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขในการขอและออกหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางส่วนสำหรับเมล็ดถั่วเหลือง มะพร้าว เนื้อมะพร้าวแห้ง และน้ำมันมะพร้าว ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยประกาศจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป

สำหรับสาระสำคัญของประกาศดังกล่าวคือ กำหนดให้ผู้นำเข้ามะพร้าวพิกัดศุลกากร 0801.12.00 และ 0801.19.90 จะต้องรายงานบัญชีสมดุลแปรสภาพมะพร้าวผลเป็นเนื้อมะพร้าวขาวต่อกรมฯ ภายหลังการนำเข้าแล้วเสร็จ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้นำเข้ามะพร้าวแล้วมีการกะเทาะเป็นเนื้อมะพร้าวขาวจะนำเนื้อมะพร้าวที่ได้มาใช้ในกิจการของตนเองเท่านั้น โดยไม่มีการรั่วไหลหรือจำหน่าย จ่าย โอน ให้กับผู้อื่น นอกจากนี้ผู้นำเข้าสินค้ามะพร้าวจะต้องให้คำรับรองต่อกรมฯ ว่าจะไม่นำมะพร้าวนำเข้าไปกะเทาะภายนอกโรงงานของตนเองเด็ดขาด

"หากผู้นำเข้านำมะพร้าวนำเข้าไปจำหน่าย จ่าย โอน หรือกะเทาะนอกโรงงานจะถูกพักหรือเพิกถอนการขึ้นทะเบียน ซึ่งหากเป็นการเพิกถอนการขึ้นทะเบียนจะไม่สามารถขอหนังสือรับรองแสดงการได้รับสิทธิในการยกเว้นภาษีทั้งหมดหรือบางส่วน (แบบ ต.2) เพื่อนำเข้ามะพร้าวได้ไม่น้อยกว่า 5 ปี" นายอดุลย์ กล่าว

นอกจากนี้เพื่อให้การนำเข้าสินค้ามะพร้าวภายใต้กรอบ AFTA มีความรอบคอบ ไม่กระทบต่อราคามะพร้าวภายในประเทศ กรมฯ จะออกหนังสือรับรอง แบบ ต.2 สำหรับการนำเข้าสินค้ามะพร้าวพิกัดฯ 0801.12.00 0801.19.10 และ 0801.19.90 ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการบริหารจัดการสินค้ามะพร้าว ภายใต้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ซึ่งคณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาความต้องการใช้และผลผลิตภายในประเทศเพื่อบริหารการนำเข้าสินค้ามะพร้าวต่อไป

ขณะเดียวกัน กรมฯ ยังอยู่ระหว่างเสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์กำหนดด่านการนำเข้ามะพร้าว โดยให้นำเข้าเฉพาะท่าเรือกรุงเทพ และท่าเรือแหลมฉบังเท่านั้น ซึ่งจะเป็นมาตรการป้องกันการลักลอบการนำเข้าตามแนวชายแดนที่มีประสิทธิภาพ