ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและเงินปอนด์สเตอริงที่ตลาดปริวรรตเงินตราออสเตรเลียเช้านี้ (17 ม.ค.) หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงาน Beige Book ที่ระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีอัตราการขยายตัวในระดับปานกลางในช่วงปลายปี 2550 ซึ่งได้ช่วยทำให้นักลงทุนคลายความกังวลว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่ อีฟ เมอร์ช หนึ่งในสมาชิกของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางยุโรป(ECB) ออกมาเตือนว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจในเขตทวีปยุโรปกำลังชะลอตัวลง ซึ่งได้ช่วยลดความเป็นไปได้ที่ว่า ECB จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
จอห์น นูนาน นักวิเคราะห์จากทอมสัน ไอเอฟอาร์กล่าวว่า "หลังจากที่เงินยูโรเคลื่อนไหวพุ่งแตะ 1.4860 ดอลลาร์ต่อยูโร เงินยูโรก็แกว่งตัวลงมาจากระดับ 1.4815 ดอลลาร์ต่อยูโร มาอยู่ที่ระดับ 1.4594 ดอลลาร์ต่อยูโรในช่วงเวลาเพียงไม่ถึง 2 ชั่วโมง หลังจากที่เมอร์ช คณะกรรมการกำหนดนโยบายของ ECB ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในเขตยูโรโซนซึ่งได้จุดกระแสคาดการณ์ว่า ECB จะยังไม่พิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยในขณะนี้"
โดยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจของเฟดบ่งชี้ว่า ในช่วงกลางเดือนพ.ย.จนถึงเดือนธ.ค.ปี 2550 นั้น เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง แต่ยังขยายตัวช้ากว่าที่ได้มีการสำรวจในช่วงก่อนหน้านี้
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ณ เวลา 06.10 น. ตามเวลาในประเทศไทย ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ 107.3 เยนต่อดอลลาร์ เมื่อเทียบกับระดับ 107.47 เยนต่อดอลลาร์ที่ตลาดนิวยอร์กคืนวานนี้ ขณะที่ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.4653 ดอลลาร์ต่อยูโร อ่อนค่าลงมาจากระดับ 1.466 ดอลลาร์ต่อยูโร ส่วนเงินปอนด์สเตอริงอ่อนค่าลงแตะ 1.9614 ดอลลาร์ต่อปอนด์ จากระดับ 1.9632 ดอลลาร์ต่อปอนด์
"รายงาน Beige Book ที่มีการเผยแพร่ออกมาไม่ได้บ่งชี้ถึงตัวเลขเศรษฐกิจที่เลวร้ายเหมือนอย่างที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ความวิตกกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกจะยังมีอยู่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินดอลลาร์ออสเตรเลียและเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์แกว่างตัวผันผวน" นายนูนานกล่าวทิ้งท้าย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--