นางสุภาพร สุขมาก ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์พัฒนาองค์กรธุรกิจสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในภาคกลางของเวียดนาม ได้จัดประชุมเพื่อพิจารณาสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องการเรียกร้องให้มีการลงทุน โดยหน่วยงานการท่องเที่ยวและการลงทุนของจังหวัดภาคกลาง 3 จังหวัด ได้แก่ นคร Da Nang จังหวัด Quang Nam และจังหวัด Thua Thien-Hue ได้เสนอว่ามีโครงการท่องเที่ยวที่กำลังเรียกร้องให้มีการลงทุนจนถึงปี 2020 จำนวนถึง 72 โครงการ โดยเปิดกว้างทั้งนักลงทุนเวียดนามและนักลงทุนต่างชาติ
ทั้งนี้ ในแต่ละจังหวัดมีโครงการลงทุนที่แตกต่างกัน โดยนคร Da Nang จะเน้นการลงทุนในโครงการสวนสาธารณะและโครงการชุมชน เช่น สวนสาธารณะ ณ เขต Hoa Vang สวนสาธารณะ ณ เขต Ngu Hanh Son และสะพานคนเดิน Nguyen Van Troi และยังส่งเสริมการลงทุนด้านเศรษฐกิจเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย ส่วนจังหวัด Thua Thien-Hue เน้นการลงทุนในโครงการวัฒนธรรมและธรรมชาติ และจังหวัด Quang Nam กำลังมองหาการลงทุนในโครงการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์
"จากนโยบายส่งเสริมการลงทุนใน 3 จังหวัดดังกล่าว เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการไทยที่มีแผนขยายการลงทุนไปยังเวียดนาม และยังเป็นโอกาสให้กับผู้ประกอบการในด้านการท่องเที่ยว เช่น ธุรกิจ Horeca ที่เกี่ยวกับโรงแรม ร้านอาหาร กาแฟและเบเกอร์รี่ ที่มีโอกาสเข้าไปลงทุน รวมถึงการส่งออกสินค้าวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งของไทย เพื่อรองรับการเติบโตของการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์"นางสุภาพรกล่าว
ปัจจุบัน ในจังหวัด Thua Thien-Hue มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยว ได้แก่ เกาหลีใต้ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดของจังหวัด รองลงมา คือ สหภาพยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น และล่าสุดยังได้มีการย้ายโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ Long Tho ออกไป เนื่องจากโรงงานดังกล่าวก่อให้เกิดปัญหามลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งทางจังหวัดยังได้มีการพัฒนาโครงการรีสอร์ทเชิงนิเวศน์ พร้อมกับสนามกอล์ฟ และผลักดันให้อ่าว Lang Co เป็นอุทยานเชิงนิเวศน์แห่งชาติของเวียดนาม