นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) ภาคประชาชน ตามร่างแผนพัฒนาพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP) ของประเทศไทย ฉบับใหม่ ปี 2561-2580 ที่เบื้องต้นกำหนดให้มีโครงการโซลาร์รูฟท็อปภาคประชาชน จำนวน 10,000 เมกะวัตต์ (MW) นั้น เบื้องต้นคาดว่าจะเปิดรับซื้อในช่วงปีแรกราว 100 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) อยู่ระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าว เพื่อนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) พร้อมกับร่างแผน PDP ฉบับใหม่ ในช่วงราวเดือนก.พ. ซึ่งเลื่อนออกไปจากเดิมที่กพช.จะประชุมกันในวันที่ 7 ม.ค.62
ทั้งนี้ ตามร่างแผน PDP ใหม่จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนรวม 18,176 เมกะวัตต์ ซึ่งพลังงานหมุนเวียนส่วนใหญ่จะเข้าระบบในช่วงปี 2570-2580 เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงที่ไฟฟ้าของประเทศเกิดความเสถียรและสามารถนำพลังงานหมุนเวียนเข้าสู่ระบบได้ ส่วนในปี 2562-2570 เชื่อว่าผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนจะสามารถผลิตไฟฟ้าและซื้อขายกันได้เองอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในแผน PDP ฉบับใหม่ คิดเป็น 30% แบ่งเป็นพลังงานทดแทน 20% และพลังงานน้ำจากต่างประเทศอีกประมาณ 10% โดยโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวล 3,376 เมกะวัตต์, โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ 546 เมกะวัตต์, โซลาร์ภาคประชาชน 10,000 เมกะวัตต์, โซลาร์ลอยน้ำ และพลังน้ำ 2,725 เมกะวัตต์, พลังงานลม 1,485 เมกะวัตต์ และขยะอุตสาหกรรม 44 เมกะวัตต์ โดยแผนPDP มีกำหนดปรับปรุงใหม่ทุก 3-4 ปี ตามสถานการณ์พลังงานที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งในอนาคตเมื่อเทคโนโลยีพลังงานทดแทนก้าวหน้าและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนต่ำลง ก็มีความเป็นไปได้ที่สัดส่วนการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเพิ่มสูงขึ้นได้