นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้ (6 ม.ค.) ซึ่งเป็นวาระเร่งด่วน เพื่อพิจารณามาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุ "ปาบึก" ในพื้นที่ภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี สงขลา และชุมพร โดยได้มีการประสานไปยังผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ให้ช่วยบริจาคสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำมันพืช ปลากระป๋อง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป รวมทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง ไปแจกจ่ายให้กับผู้ประสบภัย ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมพร้อมแล้ว คาดว่าจะจัดส่งถึงพื้นที่ได้ในวันที่ 8 ม.ค.62
"กระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมการมาตั้งแต่ก่อนที่ปาบึกจะมา ให้ไปดูเรื่องสินค้าอย่าให้ขาดแคลน โดยได้ประสานผู้ผลิต ห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่ง ให้เตรียมสินค้าส่งเข้าพื้นที่ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี และตอนนี้สถานการณ์เรื่องสินค้ากลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว กระทรวงฯ จึงต้องมาดูเรื่องการเยียวยาและหาทางเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประสบภัยต่อไป"
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในด้านการดูแลและซ่อมแซมบ้านเรือน ได้ประสานงานไปยังผู้ผลิต ทั้งกระเบื้องมุงหลังคา อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้านเรือน ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่าง ๆ ให้เร่งผลิตและจัดส่งสินค้าราคาพิเศษและประสานไปยังห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้าส่ง ให้จำหน่ายในราคาพิเศษกว่าปกติมาก ๆ เพื่อช่วยลดภาระให้กับผู้ประสบภัยที่จะซื้อสินค้าไปดูแลบ้านเรือน และกรณีหลังคาบ้าน ได้ประสานเครือซิเมนต์ไทย หรือ SCG จำหน่ายสินค้าให้ราคาพิเศษ และคาดว่าจะมีผู้ผลิตรายอื่น ๆ เข้าร่วมต่อไป
กระทรวงฯ จะเร่งเพิ่มรายได้ให้กับผู้ประสบภัย เพราะผลผลิตทางการเกษตรเสียหาย หรือสินค้าที่ผลิตได้เสียหาย โดยจะจัดมหกรรม "ซับน้ำตา" เพื่อเปิดโอกาสให้นำสินค้าที่ยังมีอยู่ เหลืออยู่ นำมาช่วยขายให้ โดยจะประสานจัดพื้นที่จำหน่ายในกรุงเทพฯ เพื่อให้ประชาชนได้ช่วยซื้อ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการที่ประสบภัย รวมทั้งจะประสานห้างสรรพสินค้า ห้างค้าปลีกค้า ในพื้นที่ เปิดพื้นที่จำหน่าย เพื่อให้ผู้ประสบภัยนำสินค้ามาวางจำหน่าย และประสานตลาดกลาง ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ให้นำสินค้าไปจำหน่าย เพื่อเพิ่มรายได้อย่างเร่งด่วนด้วย
นอกจากนี้ ได้มอบนโยบายให้ช่วยแก้ไขปัญหาในระยะยาว โดยจะประสานภาคเอกชน ให้เข้ามาช่วยเหลือเป็นกรณีพิเศษ โดยได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดใน 4 จังหวัดข้างต้น ไปทำการสำรวจว่ามีสิ่งใดที่ได้รับความเสียหายมาก และต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ก็จะให้จัดทำรายละเอียดเข้ามา และกระทรวงฯ จะประสานภาคเอกชนเข้าไปช่วย ซึ่งจะใช้วิธีพิเศษ กระบวนการพิเศษ ทำต่อเนื่อง 3 เดือน 6 เดือน จนถึง 1 ปี เพื่อให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบสามารถลุกขึ้นยืนได้