นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า การประชุมหน่วยงานสังกัดกระทรวงฯ เพื่อติดตามสถานการณ์และรับฟังสรุปผลกระทบความเสียหายจากพายุ"ปาบึก"เมื่อวานนี้ (6 ม.ค.) กระทรวงคมนาคมจัดตั้งศูนย์อำนวยการร่วมคมนาคมเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึก สรุปดังนี้ ท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชและท่าอากาศยานสุราษฎร์ธานี เตรียมพร้อมการระบายน้ำและทำคันกั้นน้ำก่อนพายุมาทำให้มีการระบายน้ำได้ทันและต่อเนื่อง ปัจจุบันสถานการณ์ปกติ เปิดเที่ยวบินได้ยกเว้นทัศนวิสัยไม่เอื้ออำนวย ได้ให้ทุกสนามบินปรับปรุงแผนระบบสำรองไฟฟ้าและน้ำปะปา และจัดรถโมบายเตรียมพร้อม ประสานงานทุกสายการบินเพื่อการประกาศสถานการณ์ล่วงหน้าอย่างรวดเร็ว และเตรียมพร้อมซ้อมแผนเผชิญเหตุ
ในสายทางของกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ที่ผ่านมามีน้ำท่วมขัง ปัจจุบันสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติใช้สัญจรได้ เหลือเพียง แยก 4015 ลานสะกาที่อยู่ระหว่างดำเนินการยกเสาไฟฟ้า ได้ให้สำรวจความเสียหาย จัดทำบัญชีเสาไฟฟ้า และจุดเสี่ยงต้นไม้หักโค่น เพื่อการเตรียมเฝ้าระวังในครั้งต่อไป และเตรียมพร้อมจัดรถกู้ภัย ไฟส่องสว่างเพื่อความสะดวกในการทำงาน
กรมเจ้าท่าเขื่อนป้องกันการกัดเซาะริมตลิ่งหัวไทร - ปากพนัง ร่องน้ำ 28 ร่องน้ำ และท่าเรือบางพระได้รับความเสียหายเล็กน้อย ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทยมี 4 จุดได้รับผลกระทบจากระดับน้ำท่วมสูง ปัจจุบันเปิดทางเดินรถได้ตามปกติได้ 3 จุด เหลือบริเวณสถานีโคกคามคาดว่าจะเปิดใช้เส้นทางได้ภายใน 7 ม.ค. นี้
ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานจัดเตรียมความพร้อมเก็บอุปกรณ์เครื่องมือก่อนเกิดสถานการณ์ไม่ให้เกิดความเสียหาย ทำ KPI การดำเนินการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดสถานการณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความรวดเร็ว ตรวจสอบความเสียหายอาคารสำนักงานและบ้านพักเจ้าหน้าที่จัดทำงบประมาณเพื่อการซ่อมแซม และกำชับให้เข้มงวดเฝ้าระวังเรื่องการประกาศแจ้งเตือนด้วยความรวดเร็ว เน้นการทุกหน่วยประชาสัมพันธ์ควบคู่กับการแจ้งประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา นอกจากนี้กระทรวงฯเน้นการประชาสัมพันธ์ในภาพรวมสถานการณ์เพื่อสร้างการรับรู้ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ เน้นลงรายละเอียดที่ชัดเจนมากขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจ
นายอาคม กล่าวว่า มอบนโยบาย One Transport One family เน้นย้ำ 1.ให้ทุกหน่วยบูรณาการทำงานร่วมกันเพื่อประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากการปฎิบัติงานที่ร่วมแรงร่วมใจ และให้คมนาคมจังหวัดจัดประชุมคณะทำงานอย่างสม่ำเสมอ 2.การให้บริการ การคมนาคมและขนส่ง ประชาชนที่เชื่อมต่อกันได้ทุกสถานการณ์ 3.การเฝ้าระวังติดตามสภาพภูมิอากาศที่จะส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติที่อาจจะส่งผลต่อการคมนาคมทุกโหมด 4.ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในการแจ้งเหตุด้วยความรวดเร็ว 5.การจัดทำแผนเผชิญเหตุด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะท่าอากาศยานต่างๆ ให้กรมท่าอากาศยาน (ทย.) ร่วมกับศูนย์ความปลอดภัยคมนาคม (ศปภ.คค.) จัดตั้งคณะทำงานด้านความปลอดภัยเพื่อให้เกิดความร่วมมือตามนโยบายกระทรวงฯ 6.ให้ทุกหน่วยเร่งสำรวจความเสียหายและจัดทำแผนฟื้นฟูให้สอดคล้องกับแผนของกระทรวงฯ