นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เรื่องการกู้เงินสำหรับโครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย (ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา) โดยเป็นการทบทวนมติครม.เมื่อวันที่ 11 ก.ค.61 ที่เดิมอนุมัติให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้และการค้ำประกันเงินกู้ภายในประเทศ มาเป็นให้กระทรวงการคลังสามารถจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมจากทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ เพื่อนำมาให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กู้ต่อเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ในวงเงินราว 1.6 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณ พิจารณาจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีเป็นงบชำระหนี้ให้แก่ รฟท. เพื่อใช้ชำระหนี้คืนแก่แหล่งเงินโดยตรง ทั้งในส่วนเงินต้น ดอกเบี้ย และค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กระทรวงการคลังจะได้ตกลงกับ รฟท.ต่อไป
ด้านนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มติครม.เดิมเมื่อวันที่ 11 ก.ค.61 นั้น ระบุให้ใช้เงินกู้จากในประเทศเพียงแหล่งเดียว แต่จากสถานการณ์ล่าสุดที่กระทรวงการคลังรายงานให้ทราบ คือ ขณะนี้อัตราดอกเบี้ยในตลาดโลกมีการเปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับหลายสถาบันการเงินมีข้อเสนอให้การกู้ยืมเงินที่มีสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ และมีประโยชน์ต่อประเทศ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย และงบประมาณลงได้มากกว่า ดังนั้น จึงเห็นควรให้มีการพิจารณาการกู้เงินจากต่างประเทศได้อีกแหล่งช่องทาง
"คงจะมีการพิจารณาอย่างเปิดกว้างที่สุด ว่าสถาบันการเงินใดจะเป็นประโยชน์มากที่สุด ดีที่สุดในเรื่องการให้สิทธิประโยชน์ และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า ซึ่งในกรณีของไชน่า เอ็กซิม แบงก์ตอนนี้อัตราดอกเบี้ยถูกสุด โดยอยู่ที่ 2.3% ในขณะที่การกู้เงินในประเทศ อัตราดอกเบี้ย 20 ปี อยู่ที่ 2.86%...ทั้งนี้ คงจะต้องตัดสินใจภายใน 2-3 เดือนนี้ เพราะจะมีการชำระงวดแรกในเดือน ก.ค.62" นายพุทธิพงษ์ ระบุ