นางวสุกานต์ วิศาลสวัสดิ์ กรรมการและผู้จัดการ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) เปิดเผยผลงาน 3 ไตรมาสแรกของปี 61 (ม.ค.-ก.ย.) มีกำไรสุทธิ 104 ล้านบาท จากการดำเนินงานและการเร่งแก้ปัญหาหนี้ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 57 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงกระบวนการภายใน และคาดว่าปี 2561 จะเป็นปีที่มีกำไรสูงที่สุดของ บตท. ตั้งแต่ก่อตั้งมา
ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 บตท. มีสินทรัพย์ รวม 19,161 ล้านบาท มีตราสารหนี้โครงการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์คงค้างที่เป็นหุ้นกู้มีหลักประกัน จำนวน 12,659 ล้านบาท กำไรสุทธิส่วนหนึ่งมาจากการบริหารจัดการหนี้เชิงรุก โดยเร่งรัดกระบวนการติดตามการชำระหนี้อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมทั้งการปรับปรุงเงื่อนไขชำระหนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Loan : NPL) รวมทั้งการปรับปรุงระบบภายใน เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ การพัฒนาช่องทางการชำระเงิน เช่น การชำระผ่านโมบายแบงก์กิ้ง หรือแอปพลิเคชั่นธนาคารบนมือถือ เช่น Krungthai NEXT, K PLUS, Bualuang mBanking และ SCB EASY เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้ารายย่อย ตลอดจนการเตรียมความพร้อมสำหรับ IFRS 9 การพัฒนาระบบฐานข้อมูล (Big Data)
นอกจากนี้ บตท. ยังมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่อยู่อาศัย อัตราดอกเบี้ยคงที่ยาวสูงสุดถึง 10 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยพิเศษสำหรับลูกค้าที่มีประวัติการชำระดี ช่วยลดความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัวในช่วงนี้
นางวสุกานต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา บตท. เดินหน้าทำงานตามพันธกิจและวิสัยทัศน์ "เป็นกลไกในการจัดหาเงินทุนระยะยาว รองรับการขยายตัวของระบบสินเชื่อที่อยู่อาศัย" โดยสนับสนุนนโยบายภาครัฐและกระทรวงการคลังที่กำกับดูแล บตท. รวมถึงการทำงานตามเกณฑ์กำกับดูแลของแบงก์ชาติ และมุ่งมั่นดำเนินงานอย่างโปร่งใส ยุติธรรม ส่งผลให้การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส (Integrity and Transparency Assessment หรือ ITA) ในปี 2561 บตท. ได้ผลคะแนน 93.13 เป็นอันดับที่ 7 จาก 54 รัฐวิสาหกิจ