นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่า ในปี 2562 อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยน่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 4.0% หรืออยู่ในกรอบประมาณการที่ 4.0-4.3% โดยทิศทางเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตในอัตราที่ชะลอลงจากปี 2561 จากเครื่องชี้ด้านต่างประเทศทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยว ซึ่งอาจเผชิญความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีน ตลอดจนผลจากสงครามการค้าที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจต้องพึ่งพิงการใช้จ่ายและการลงทุนในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนของภาครัฐที่จะมีบทบาทนำการลงทุนของเอกชน
ในขณะที่ ผลกระทบจากพายุปาบึกต่อเศรษฐกิจไทย คงเป็นปัจจัยระยะสั้น ซึ่งเชื่อว่าการฟื้นฟูความเสียหายและมาตรการเยียวยาต่าง ๆ จากทุกภาคส่วน จะช่วยบรรเทาผลกระทบได้
ขณะที่คาดว่าการส่งออกไทยปีนี้ น่าจะขยายตัวในกรอบ 5.0-7.0% จากหมวดสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าเกษตรเป็นหลัก
ส่วนกรณีการเลื่อนการเลือกตั้ง กกร. มองว่าจะมีผลกระทบไม่มากนักต่อเศรษฐกิจ ซึ่งนักลงทุนยังคงเข้ามาดูลู่ทางการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกระบวนการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐคงจะสามารถเดินหน้าได้ ขณะที่ความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกประเทศเป็นหลัก
สำหรับในระยะถัดไป นอกจากความคืบหน้าการเจรจาด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนแล้ว สถานการณ์ในสหรัฐฯ ทั้งเรื่องงบประมาณ เพดานหนี้ และการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ตลอดจนประเด็น Brexit ที่จะครบกำหนดในวันที่ 29 มีนาคมนี้ซึ่งอาจทำให้ทิศทางตลาดการเงินโลกและค่าเงินบาทของไทยยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทิศทางการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับทีท่าในการดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนปรนมากขึ้น โดยเฟดอาจจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายได้เพียงครั้งเดียวในปีนี้
สำหรับเศรษฐกิจไทยโดยรวมในไตรมาส 4 ปี 2561 แม้เครื่องชี้เศรษฐกิจไทยในช่วงโค้งสุดท้ายปี 2561 อย่างการส่งออก การท่องเที่ยว และการใช้จ่ายภายในประเทศ จะชะลอตัวลงบ้างในบางเดือน แต่ กกร.มองว่า จะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับในไตรมาส 3 ปี 2561 ที่ขยายตัว 3.3% (YoY) ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการของภาครัฐ อาทิ มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa-on-Arrivals ส่งผลให้ทั้งปี 2561 เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวราว 4.3%"
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวมีการขยายตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้ทั้งปี 2561 มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสูงถึง 38.12 ล้านคน หรือ ขยายตัว 7.1% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา
นายกลินท์ กล่าวว่า นอกเหนือจากเรื่องเศรษฐกิจแล้ว กกร. ยังให้ความสำคัญเรื่อง Training และ Re-skill แรงงาน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี โดยได้เข้าร่วมให้ความเห็นกับภาครัฐในการประชุมที่ผ่านมาโดยเฉพาะในระดับอาชีวะ และเสนอให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลักดันโครงการระดับอาชีวะ
รวมทั้งการสนับสนุนนโยบาย NEW S-curve ด้าน Aero Space Industry เพื่อให้เกิดความชัดเจนแก่ผู้ลงทุนจากต่าง ประเทศ ในการเข้ามาติดต่อเพื่อการลงทุน ทาง กกร. จึงมอบหมายให้สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เป็นผู้รับผิดชอบในการประสานระหว่างนักลงทุน